การพัฒนารูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลบ้านโป่ง

ผู้แต่ง

  • Pornpimon Srisamran, M.N.S. กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
  • Kunsine Wisedsing, M.Ed. กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
  • Krittaya Tantiwarasakool, M.N.S. กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

คำสำคัญ:

การพัฒนารูปแบบ, รายงานเปลี่ยนเวรของพยาบาล, เอสบาร์

บทคัดย่อ

            วัตถุประสงค์: 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวร และ 2) ศึกษาผลของรูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลบ้านโป่ง

            วิธีการศึกษา: มี 4 ขั้นตอน ได้แก่

            ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาวิเคราะห์สภาพการรายงานเปลี่ยนเวรปัจจุบัน ความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงการรายงานเปลี่ยนเวร ปัญหาและการรายงานเปลี่ยนเวรที่พึงประสงค์ โดยการสนทนากลุ่มและสอบถามข้อมูลจำเป็นจากพยาบาลวิชาชีพ

            ขั้นตอนที่ 2 ขั้นการพัฒนารูปแบบ เป็นขั้นตอนที่นำผลจากขั้นตอนที่ 1 มาใช้ในการกำหนดกรอบแนวคิดการพัฒนารูปแบบ

            ขั้นตอนที่ 3 ขั้นทดลองใช้รูปแบบ เป็นการนำรูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรที่สร้างขึ้นในขั้นตอนที่ 2 ไปทดลองใช้ ประเมินการปฏิบัติการรายงานเปลี่ยนเวร ประเมินความผิดพลาดในการดูแลผู้ป่วยจากการรายงานเปลี่ยนเวร ระยะเวลาการรายงานเปลี่ยนเวร และประเมินความพึงพอใจรูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวร กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 44 คน ทำการคัดเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง ได้แก่ หัวหน้าหอผู้ป่วย จำนวน 4 คน และทำการคัดเลือกพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานหอผู้ป่วยในแบบสมัครใจ จำนวน 40 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบประเมินที่ผู้วิจัยพัฒนาและปรับปรุง

            ขั้นตอนที่ 4 ขั้นประเมินผลและการปรับปรุงรูปแบบ เป็นการนำผลกำรทดลองรูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรในขั้นตอนที่ 3 มาปรับปรุง แก้ไขให้เหมาะสมและนำไปใช้

            ผลการศึกษา: 1) รูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรที่ได้รับการพัฒนา ประกอบด้วย 1.1) กระบวนการรายงานเปลี่ยนเวร ในระยะเตรียมตัวก่อนการเปลี่ยนเวร ระยะรายงานการเปลี่ยนเวร ระยะหลังรายงานการเปลี่ยนเวร และการตรวจสอบอุปกรณ์ที่มีการเตรียมเพื่อการรักษา 1.2) หลักการรายงานเปลี่ยนเวร ยึดหลักการรายงานแบบเอสบาร์ และ 1.3) ขั้นตอนการนำไปใช้ ขั้นที่ 1 การสร้างความตระหนัก ขั้นที่ 2 การสร้างการยอมรับ ขั้นที่ 3 การนำไปปฏิบัติ และขั้นที่ 4 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดำรงอยู่

            2) ผลการใช้รูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรโดยใช้เอสบาร์ ทำให้ค่าเฉลี่ยการปฏิบัติการรายงานเปลี่ยนเวร หลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนพัฒนา ค่าเฉลี่ยความผิดพลาดในการดูแลผู้ป่วยจากการรายงานเปลี่ยนเวร หลังการพัฒนาน้อยกว่าก่อนพัฒนา ระยะเวลาการรายงานเปลี่ยนเวรเฉลี่ยหลังพัฒนาน้อยกว่าก่อนพัฒนา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 10.694, p = .001; t = 2.828, p = .01 และ t = 4.023, p = .001 ตามลำดับ) และมีความพึงพอใจรูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวร โดยรวมอยู่ในระดับมาก

            สรุป: กระบวนการพัฒนารูปแบบ หากส่งเสริมให้ทุกคนมองเห็นปัญหาร่วมกัน มีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดการแก้ไขปัญหา และเข้าใจความจำเป็นที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

Author Biographies

Pornpimon Srisamran, M.N.S., กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

สาขาบริหารการพยาบาล

Kunsine Wisedsing, M.Ed., กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

สาขาวิธีวิทยาการวิจัยการศึกษา

Krittaya Tantiwarasakool, M.N.S., กลุ่มงานการพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่

References

1. Chung K, Davis I, Moughrabi S, et al. Use of an evidence-based shift report tool to improve nurses’ communication. Medsurg Nurs 2011;20:255-60, 268.

2. ประภัสสร มนต์อ่อน.ประสิทธิผลของการใช้รูปแบบการรายงานเปลี่ยนเวรของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลพุทธโสธร [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. สาขาวิชาการบริหารการพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2556.

3. สายทิพย์ ไชยรา. การพัฒนารูปแบบรายงานการส่งเวรด้วยกระบวนการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลสกลนคร [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. แขนงวิชาการบริหารการพยาบาล สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2554.

4. Joint Commission Accreditation of Healthcare organization (JCAHO). Implementing the SBAR Technique. Patient Safety. Toronto Rehabilitation Institute 6 [internet]. 2006 [cited 2017 Mar 14]. Available from: URL: http://opm.gov/insure/health/planinfo/safety

5. Gephart SM. The art of effective handoffs: what is the evidence? Adv Neonatal Care 2012;12:37-9.

6. Tucker A, Brandling J, Fox P. Improved record-keeping with reading handovers. Nurs Manag (Harrow) 2009;16:30-4.

7. Dean PJ. Nurse-to-nurse caring begins with shift-to-shift report. Int J Hum Caring 2009;13:21-5.

8. Scovell S. Role of the nurse-to-nurse handover in patient care. Nurs Stand 2010;24:35-9.

9. Gage W. Evaluating handover practicein an acute NHS trust. Nurs Stand 2013;27:43-50.

10. เจียมจิตต์ เฉลิมชุติเดช และคณะ. ผลของการพัฒนาระบบการรับส่งข้อมูลระหว่างเวรโรงพยาบาลพระพุทธบาท [อินเทอร์เน็ต]. 2553 [วันที่สืบค้น 2 พฤศจิกายน 2560]. เข้าถึงได้จาก URL: http://bppbh.blcgspot.com/2011/06/post_5531.html

11. Leonard M, Bonacurth D, Graham S. SBAR for improve communication: Quality tool in practice [internet]. 2006 [cited 2017 Mar 17]. Available from: URL: http://www.cdha.nshealth.ca/quality/ihiTools.html

12. Riesenberg LA, Leitzsch J, Little BW. Systematic review of handoff mnemonics literature. Am J Med Qual 2009;24:196-204.

13. อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล. HA Update 2016. นนทบุรี: สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน); 2552.

14. อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล. Patient Safety Goals: SIMPLE. นนทบุรี: สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน); 2559.

15. Pope BB, Rodzen L, Spross G. Raising the SBAR: how better communication improves patient outcomes. Nursing 2008;38:41-3.

16. LewinK, Cartwright D. Field theoryin social science: selected theoretical papers. New York: Harper & Row; 1951.

17. บุญใจ ศรีสถิตนรากูร. ระเบียบวิธีการวิจัยทางการพยาบาล. กรุงเทพฯ: ยูแอนด์ได อินเตอร์มีเดีย; 2550.

18. อวยพร กิตติเจริญรัตน์, และคณะ. ผลของการรับเวร-ส่งเวรโดยใช้ SBAR ของทีมการพยาบาลและความปลอดภัยของผู้ป่วย สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี. วารสารกรมการแพทย์ 2552;34:530-9.

19. Huber D. Leadership and nursing care management. 3rd ed. Philadelphia: Saunders Elsevier; c2006.

20. บุญใจ ศรีสถิตยนรากูร. ภาวะผู้นำและกลยุทธการจัดองค์การพยาบาลในศตวรรษที่ 21. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2551.

21. พิมประพรรณ สถาพรพัฒน์. การพัฒนารูปแบบการรับ-ส่งเวรทางการพยาบาลในหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตศัลยกรรมทั่วไป 2 โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. สาขาการบริหารการพยาบาล, บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2553.

22. ศรีลาวัลย์ สัจจะสกุลชัย. ผลการใช้รูปแบบรายงานการส่งเวรด้วยกระบวนการพยาบาลและการบริหารความเสี่ยงต่อความผิดพลาดในการสื่อสาร หอผู้ป่วยทารกแรกเกิดมีปัญหา โรงพยาบาลตำรวจ. วารสารพยาบาลตำรวจ 2559;8:91-106.

23. จินดา คูณสมบัติ. พัฒนารูปแบบการส่งเวรโดยใช้ SBAR ในหอผู้ป่วยสามัญอายุรกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารโรงพยาบาลนครพิงค์ 2556;4:18-25.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2018-10-24