ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมติดเกมออนไลน์ ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น อำาเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม

บทคัดย่อ

          ปัญหาเด็กติดเกมออนไลน์นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นและมีแนวโน้มจำนวนเด็กติดเกมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังอาจนำาไปสู่ปัญหาด้านพฤติกรรมอื่น เช่น ลักขโมย ทำร้ายร่างกาย และปัญหาทางด้านสุขภาพของเด็ก การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมติดเกมออนไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิและแบบเฉพาะเจาะจง ได้กลุ่มตัวอย่างจำานวน 152 คน ใช้แบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและ Chi-square test ที่ระดับนัย สำคัญ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า นักเรียนมีพฤติกรรมติดเกมออนไลน์ (เล่นเกมทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมงติดต่อกันขึ้นไป) ร้อยละ 22.4 มักเล่นเกมระหว่างเวลา 16.01-20.00 น. มากที่สุด (ร้อยละ 36.8) และเล่นเกมที่ร้านอินเตอร์เน็ตมากที่สุด (ร้อยละ 66.4) โดยร้อยละ 53.9 จะเล่นเกมประเภทต่อสู้ ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมติดเกมออนไลน์อย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติได้แก่ เพศ เกรดเฉลี่ย รายได้ผู้ปกครองปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านจิตวิทยา และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม นักเรียนที่มีพฤติกรรมติดเกมออนไลน์ส่วนมากเล่นเกมเวลาว่างหลังเลิกเรียนเพราะไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองและจะเล่นร้านอินเตอร์เน็ตที่ใกล้โรงเรียนก่อนกลับบ้าน โดยนักเรียนรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เล่นเกมและเล่นเกมเพราะต้องการความบันเทิง ซึ่งความเร็วของอินเตอร์เน็ตทำาให้นักเรียนอยากเล่นเกมมากขึ้น ส่วนเกมที่นักเรียนนิยมเล่น คือ เกมประเภทต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรงและท้าทาย ซึ่งเกมประเภทนี้อาจส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงได้ดังนั้นผู้ปกครองและผู้ที่ใกล้ชิดจึงควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัวและเข้าไปมีส่วนร่วมสังเกตการเล่นคอมพิวเตอร์ของเด็ก รวมทั้งควรมีการควบคุมการเปิดให้บริการร้านอินเตอร์เน็ตและร้านเกมอย่างจริงจัง