การศึกษาความถูกต้องของการรายงานผลการทดสอบความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด กับระบบการทวนสอบและรายงานผลแบบอัตโนมัติ ด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติทางโลหิตวิทยา

ผู้แต่ง

  • ศรัณย์ พิลาคง งานโลหิตวิทยาและจุลทรรศน์ศาสตร์ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์

คำสำคัญ:

ระบบการทวนสอบและรายงานผลแบบอัตโนมัติ, ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด, เครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติ

บทคัดย่อ

การวิจัยแบบย้อนหลังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และความสอดคล้องของการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติทางโลหิตวิทยา รุ่น CAL 6000 กับผลการอ่านสเมียร์เลือดโดยนักเทคนิคการแพทย์ กลุ่มตัวอย่างเป็นตัวอย่างเลือดผู้ป่วยจำนวน 500 ตัวอย่าง ที่มีผลตรวจปกติในระบบการทวนสอบและรายงานผลแบบอัตโนมัติ และได้ทำการอ่านสเมียร์เลือดด้วยเครื่องอ่านสเมียร์เลือดอัตโนมัติและยืนยันผลการอ่านสเมียร์เลือดโดยนักเทคนิคการแพทย์เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ค่าร้อยละความสอดคล้อง และค่าร้อยละความจำเพาะสำหรับเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล ลิมโฟไซต์ โมโนไซต์ อีโอสิโนฟิล และเบโซฟิล รวมถึงค่าขนาดและรูปร่างของเม็ดเลือดแดง และจำนวนเกร็ดเลือดที่ตรวจพบในกระแสเลือด ผลการวิจัยพบว่าค่าร้อยละความสัมพันธ์ของนิวโทรฟิล ลิมโฟไซต์ อีโอสิโนฟิล และเกร็ดเลือด มีค่าระดับสูงที่ 0.86, 0.87, 0.82 และ 0.88 ตามลำดับ ส่วนค่าร้อยละความสัมพันธ์ของโมโนไซต์และเบโซฟิล มีค่าระดับปานกลางที่ 0.60 และ 0.37 ตามลำดับ ค่าร้อยละความสอดคล้องของนิวโทรฟิล ลิมโฟไซต์ โมโนไซต์ อีโอสิโนฟิล เบโซฟิล และขนาดและรูปร่างของเม็ดเลือดแดง คือ 100%, 100%, 97%, 100%, 99% และ 98.6% ตามลำดับ สำหรับค่าร้อยละความจำเพาะของนิวโทรฟิล ลิมโฟไซต์ โมโนไซต์ อีโอสิโนฟิล เบโซฟิล และขนาดและรูปร่างของเม็ดเลือดแดง คือ 100%, 100%, 98%, 100%, 99% และ 98.6% ตามลำดับ โดยค่าร้อยละความสอดคล้องและค่าร้อยละความจำเพาะมีค่ามากกว่าร้อยละ 95 และพบว่าจำนวนเกร็ดเลือดมีค่าร้อยละความแตกต่างกันตั้งแต่ -24% ถึง 24% ซึ่งไม่เกินร้อยละ 25 การวิจัยบ่งชี้ว่าห้องปฏิบัติการโลหิตวิทยามีระบบการทวนสอบและรายงานผลแบบอัตโนมัติที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือได้ พร้อมทั้งมีเกณฑ์การคัดเลือกผลที่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดระยะเวลารอคอยผลการตรวจวิเคราะห์ในกรณีที่ผลการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดปกติได้ การวิจัยในกรณีที่มีความหลากหลายของค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดในโรคต่างๆ ควรได้รับการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของห้องปฏิบัติการโลหิตวิทยา

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

โฆมานะสิน นันทรัตน์. (2562). เกณฑ์มาตรฐานการจัดระดับความผิดปกติของ RBC และการรายงานรูปร่างของเม็ดเลือดแดง. สภาเทคนิคการแพทย์, 3-5.

ปิยวรรณ คำแสน, อนุชิน นาเจิมพลอย และรุจนันท์ คะเชนทร์ชาติ. (2566). การพัฒนาระบบการรายงานผลโดยอัตโนมัติในการตรวจวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ศรีนครินทร์เวชสาร. 38(2), 120-129.

ศิริรัตน์ พรหมนุช, สมลักษณ์ วนะวนานต์, นลินี คำเพราะ, ปรียานุช บำรุงผล และพรเพ็ญ ศรีสวัสดิ์. (2562). การทวนสอบและการรายงานผลการวิเคราะห์โดยอัตโนมัติทางห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก. วารสารเทคนิคการแพทย์, 47(2), 7001-7015.

Jin, D., Wang, Q., Peng, D., Wang, J., Li, B., Cheng, Y. (2021). Development and implementation of an LIS-based validation system for auto-verification toward zero defects in the automated reporting of laboratory test results. BMC Medical Informatics and Decision Making. 21, 174.

Pereira P. (2016). Basic validation of qualitative Tests. WESTGARD QC, page 3-9.

Riben M. (2015). Laboratory automation and middleware. Surgical Pathology Clinics. 8(2), 175-186.

The International Society for Laboratory Hematology. (2023). International consensus group for hematology review: concensus rules. Available from: http://www.islh.org/2023/Committees/ConsensusGroup/CGDeltaDefinitions.htm.

Westgard J. (2023). CLIA proposed acceptance limits for proficiency testing. WESTGARD QC, page 6.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-12-20

รูปแบบการอ้างอิง

พิลาคง ศ. . (2024). การศึกษาความถูกต้องของการรายงานผลการทดสอบความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด กับระบบการทวนสอบและรายงานผลแบบอัตโนมัติ ด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติทางโลหิตวิทยา. วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา, 4(3), e270525. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tjphe/article/view/270525

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย