ผลการรักษานิ่วในท่อน้ำดีด้วยวิธีการส่องกล้องผ่านทางเดินอาหารและท่อน้ำดี โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม
คำสำคัญ:
นิ่วในท่อน้ำดี, การส่องกล้อง ERCP, ภาวะแทรกซ้อนบทคัดย่อ
นิ่วในถุงน้ำดีและทางเดินน้ำดีเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การรักษาแบบดั้งเดิมใช้การผ่าตัดเปิดซึ่งมีภาวะแทรกซ้อนและการพักฟื้นที่ยาวนาน ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมการรักษาแบบเจ็บน้อย ทำให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดมเริ่มให้บริการรักษานิ่วในท่อน้ำดีด้วยวิธีส่องกล้อง (ERCP) ตั้งแต่ปี 2562 การศึกษาเชิงพรรณนาย้อนหลังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการรักษาและภาวะแทรกซ้อนจากการรักษานิ่วในท่อน้ำดีด้วยวิธี ERCP โดยเก็บข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วย 103 รายที่ได้รับการรักษาระหว่างปี 2563-2565 ใช้แบบบันทึกข้อมูล 4 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป ปัจจัยที่มีผลต่อการรักษา ข้อมูลหัตถการ และภาวะแทรกซ้อน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและใช้ Chi-square test ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ผลการศึกษาพบว่าอัตราความสำเร็จในการรักษาอยู่ที่ร้อยละ 81.55 สอดคล้องกับการศึกษาอื่นที่รายงานในช่วงร้อยละ 70-90 ภาวะแทรกซ้อนที่พบมากที่สุดคือตับอ่อนอักเสบ ร้อยละ 8.74 และท่อน้ำดีอักเสบ ร้อยละ 2.91 การใช้เทคนิคซับซ้อนที่ผสมผสานวิธีการหลายอย่าง เช่น การรักษาร่วมกันโดยการตัดกล้ามเนื้อหูรูดส่วนปลายของท่อน้ำดี ขยายทางเข้าท่อน้ำดีด้วยบอลลูนชนิดพิเศษที่ขยายตัวในลักษณะที่ควบคุมได้ สลายนิ่วให้แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆโดยการขบ และใช้อุปกรณ์ลากนิ่วออกมาด้วยบอลลูน มีอัตราความสำเร็จร้อยละ 100 ขณะที่หัตถการใช้เวลา 10-30 นาทีมีอัตราความสำเร็จร้อยละ 95.12 ซึ่งสูงกว่าการใช้เวลานานกว่า 60 นาที ร้อยละ 64.86 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) ผลการศึกษานี้สามารถนำไปพัฒนาแนวทางการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมในการรักษา การคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง และการพัฒนาทักษะของทีมแพทย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จและลดภาวะแทรกซ้อนในการรักษานิ่วในท่อน้ำดีด้วยวิธี ERCP ได้ในอนาคต
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2563). การประเมินทางเศรษฐศาสตร์การผ่าตัดผ่านกล้องเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดในการรักษานิ่วในถุงน้ำดี.
พีรดล พรมใต้. (2566). ผลการรักษานิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีการส่องกล้องผ่านทางเดินอาหารและท่อน้ำดีในโรงพยาบาลกาฬสินธุ์. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 8(2), 220-228.
ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย. (2565). นิ่วในถุงน้ำดี. สืบค้นจาก https://www.rcst.or.th/web-upload/filecenter/CPG/Gallstone%20.html
Cao, Z., Wei, J., Zhang, N., Liu, W., Hong, T., He, X., et al. (2020). Risk factors of systematic biliary complications in patients with gallbladder stones. Irish journal of medical science, 189(3), 943-947. https://doi.org/10.1007/s11845-019-02161-x
Choi, J., Malik, N., Drachman, D., Adler, D., & Nadir, A. (2015). Endoscopic retrograde cholangio pancreatography (ERCP) outcomes can improve after further training for an individual already experienced in ERCP. Minerva Gastroenterologica e Dietologica, 61(3), 117-120.
Dumonceau, J. M., Kapral, C., Aabakken, L., Papanikolaou, I. S., Tringali, A., Vanbiervliet, G., et al. (2020). ERCP-related adverse events: European Society of gastrointestinal Endoscopy (ESGE) Guideline. Endoscopy, 52(2), 127-149.
Gutt, C., Schläfer, S., & Lammert, F. (2020). The treatment of gallstone disease. Deutsches Ärzteblatt International, 117(9), 148-158.
Khafaf, A., Rad, N., & Mohammad Alizadeh, A. H. (2019). Evaluating the outcomes of endoscopic retrograde cholangiopancreatography: indications and complications. Annals of Medical and Health Sciences Research, 9: 529-535.
Kim, S. B., Kim, K. H., & Kim, T. N. (2016). Comparison of outcomes and complications of endoscopic common bile duct stone removal between asymptomatic and symptomatic patients. Digestive Diseases and Sciences, 61(1), 1172-1177.
Panambur, A. B., Paraashar, R., & Pérez, A. J. (2025). A single-center, prospective study focused on quality indicators, success rate, features, outcomes, and indications of endoscopic retrograde cholangiopancreatography (ECRP) practice at a tertiary care hospital. 3(1), 1-10. https://doi.org/10.23880/jmcs-16000134.
Spinn, M. P., Wolf, D. S., Verma, D., & Lukens, F. J. (2010). Prediction of which patients with an abnormal intraoperative cholangiogram will have a confirmed stone at ERCP. Digestive Diseases and Sciences, 55(1), 1484-1484.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา (Thai Journal of Public Health and Health Education) เป็นลิขสิทธิ์ของ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี








