ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมสุขภาพ ในกลุ่มเสี่ยงสูงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
คำสำคัญ:
โปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ, กลุ่มเสี่ยงสูงโรคเบาหวาน, กลุ่มเสี่ยงสูงความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีอัตราป่วยเพิ่มสูงขึ้น และนำไปสู่การเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง แบบ 2 กลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงสูงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงของเครือข่ายสถานพยาบาลปฐมภูมิระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในอำเภอแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา จำนวน 64 คน สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบอย่างง่ายด้วยการจับฉลากไม่คืนที่ กลุ่มละ 32 คน ดำเนินการวิจัยตั้งแต่ 1 มกราคม 2566-30 มีนาคม 2567 โดยกลุ่มควบคุมได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามรูปแบบปกติ และกลุ่มทดลองได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ เป็นระยะเวลา 3 เดือน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ 6 ด้าน และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ 3อ 2ส ได้ค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์เท่ากับ 1 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคของแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ ได้ 0.83 ส่วนของแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพได้ 0.80 วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยภายในกลุ่มก่อน-หลังการทดลองด้วยสถิติทีคู่ และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มหลังการทดลองด้วยสถิติทีอิสระ ผลการวิจัย พบว่าหลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีค่าคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ ( =176.63, S.D.=6.54) และพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ( =68.75, S.D.=2.00) ดีกว่าก่อนการทดลองและดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ p<.001 แสดงว่าโปรแกรมดังกล่าวสามารถส่งเสริมความรอบรู้และพฤติกรรมสุขภาพแก่กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้ ควรนำโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพไปใช้ในกลุ่มเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ หรือกลุ่มป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงหรือบริบทอื่น เพื่อเพิ่มศักยภาพให้บุคคลมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และจัดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันควบคุมโรคต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวง สาธารณสุข. (2561). โปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 2 อ. (อาหาร ออกกำลังกาย) ในการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงสำหรับวัยทำงาน. กรุงเทพมหานคร: บริษัท 25 มีเดียจำกัด.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวง สาธารณสุข. (2563). โปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงรายใหม่. กรุงเทพมหานคร: บริษัท 25 มีเดียจำกัด.
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2563). คู่มือการจัดบริการคลินิกเบาหวาน ความดันโลหิตสูงวิถีใหม่แบบยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (สำหรับระดับผู้ปฏิบัติงาน). สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวง สาธารณสุข. (2561). โปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 2 อ.(อาหาร ออกกำลังกาย)ในการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงสำหรับวัยทำงาน.
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข. (2566). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://spd.moph.go.th.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2561). คู่มือการดูแลสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส สำหรับแกนนำสุขภาพ. สืบค้นจาก www.hed.go.th.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2561). โปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 2 อ. (อาหาร ออกกำลังกาย) ในการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงสำหรับวัยทำงาน.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2563). โปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงรายใหม่. กรุงเทพมหานคร: บริษัท 25 มีเดียจำกัด.
เกสราวรรณ ประดับพจน์ และศิริลักษณ์ แก่นอินทร์. (2564). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ 3 self ต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตและเส้นรอบเอวของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 8(5), 148-159.
ขนิษฐา สระทองพร้อม และสุทธิศักดิ์ สุริรักษ์. (2564). ประสิทธิผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ. 2ส. ในประชากรกลุ่มเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหนองรี. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 3(1), 38-49.
ธนาสิทธิ์ วิจิตราพันธ์. (2563). ประสิทธิผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงเบาหวานของคลินิกหมอครอบครัวบ้านทุ่งเสี้ยว อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 29(4), 618-623.
นัทชญา ตั่นหุ้ย, พิมพา สังข์ทอง, มาวินี เถาะมัน, กิตติพร เนาว์สุวรรณ และนภชา สิงห์วีรธรรม. (2566). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ 2ส ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมการป้องกันระดับความดันโลหิตในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 3(2), 96-110.
เปรมณัฐชยา บุญยอ, นิรมล สุธาวรรณ, และประภาทิพย์ แสนทวีสุข. (2566). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมการดูแลตนเอง น้ำตาลสะสม และความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 41(4), 1-15.
พวงผกา สุริวรรณ. (2564). รูปแบบการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ด้วยกระบวนการจัดการความรู้จังหวัดลำพูน. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 17(2), 41-50.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา. (2566). ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ Health Data Center (HDC): ข้อมูลรายงานมาตรฐาน : Service Plan สาขาโรคไม่ติดต่อ (NCD DM,HT,CVD). เข้าถึงจาก https://hdc.moph.go.th/ska.
วิชัย เอกพลากร. (2564). การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562-2563. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัย. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี. (2566). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน. กรุงเทพมหานคร: บริษัทศรีเมืองการพิมพ์ จำกัด.
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป. เชียงใหม่: สำนักพิมพ์ ทริค ธิงค์.
สุภาวดี กลัดทอง และณรินี แย้มสกุล. (2564). ผลของโปรแกรมสุขศึกษาเพื่อการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพตามหลัก 2อ ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ และระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารวิชาการและการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรีรัช, 1(2), 14-25.
สุเมธ นาจรัส, ญาณี โชคสมงาม, ธิติพันธุ์ อวนมินทร์, วิทธวัช จอมคำ และวิชุดา จิรพรเจริญ. (2566). ผลของโปรแกรมสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในระดับตำบลจังหวัดพะเยา. วารสารระบบบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว, 6(2), 144-153.
Cohen, J. (1977). Statistical Power Analysis for the Behavioral Sciences. New York: Academic Press.
Nutbeam, D. (2008). Health Literacy and adolescents: a framework and agenda for future research. Health Education Research, 23(5).
Nutbeam, D. (2021). Understanding and Responding to Health Literacy as a Social Determinant of Health. Annual Review of Public Health.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา (Thai Journal of Public Health and Health Education) เป็นลิขสิทธิ์ของ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี








