ประสิทธิผลระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
ระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง, แผนส่งเสริมสุขภาพ, ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้บทคัดย่อ
การวิจัยแบบกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันไม่ได้ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยจำนวน 66 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 33 คน เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 18 มีนาคม ถึง 17 มิถุนายน 2567 เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบทดสอบก่อน–หลัง และแบบบันทึกระดับความดันโลหิต ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และมีค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.83, 0.78 และ 0.74 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา Chi-square, Paired Sample t-test และ Independent t-test โดยกำหนดระดับความเชื่อมั่นที่ 95% ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 72.70 และ ร้อยละ 60.72 ตามลำดับ กลุ่มทดลองส่วนใหญ่อายุระหว่าง 61-70 ปี (ร้อยละ 33.30) ส่วนกลุ่มควบคุมมีอายุมากกว่า 70 ปี (ร้อยละ 48.50) กลุ่มทดลองส่วนใหญ่มีค่าดัชนีมวลกาย 25.00-29.90 kg/m² (ร้อยละ 33.30) และกลุ่มควบคุมมีค่าดัชนีมวลกาย 18.50–22.90 kg/m² (ร้อยละ 30.30)
ผลการศึกษาพบว่า หลังใช้ระบบดูแลใหม่ ผู้ป่วยกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้เพิ่มขึ้น 12.5 คะแนน (95% CI: 10.2 ถึง 14.8; p < 0.001) คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลตนเองเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10.7 คะแนน (95% CI: 8.4 ถึง 12.9; p < 0.001) และระดับความดันโลหิตค่าบน (SBP) ลดลงเฉลี่ย 15.3 มิลลิเมตรปรอท (95% CI: -18.7 ถึง -11.9; p < 0.001) และระดับความดันโลหิตค่าล่าง (DBP) ลดลงเฉลี่ย 9.6 มิลลิเมตรปรอท (95% CI: -12.3 ถึง -6.9;p < 0.001) เมื่อเปรียบเทียบกับระยะก่อนทดลองและกับกลุ่มควบคุม โดยพบผู้ป่วยมีระดับความดันโลหิตลดลง ร้อยละ 75.70 ผู้เข้าร่วมในกลุ่มทดลองมีความพึงพอใจต่อระบบการดูแลรูปแบบใหม่ในระดับสูงถึงร้อยละ 100 แสดงให้เห็นว่าระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงรูปแบบใหม่นี้มีประสิทธิผลในการส่งเสริมความรู้ การปรับพฤติกรรม และการควบคุมความดันโลหิตได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2565). แนวทางการจัดการเมื่อพบผู้รับบริการมีความดันโลหิตสูง
ในโรงพยาบาล. สืบค้น จาก http://www.thaincd.com/document/file/download/knowledge.php
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2556). ปัจจัยการเกิดโรคความดันโลหิตสูง. สืบค้นจาก
http://dpc2.ddc.moph.go.th/infopublic/data/2/pic/25.doc
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2567). แนวทางการดำเนินงานสุขศึกษา เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้
ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ประจำปี 2567. สืบค้นจากhttps://healthmedia.hss.moph.go.th/
wp-content/uploads/2024/03/171120230602058437_news-1.pdf
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2561). หุ่นดี สุขภาพดีง่ายแค่ปรับ 4 พฤติกรรม. สืบค้นจาก
https://nutrition2.anamai.moph.go.th/web- upload/6x22caac0452648c8dd1f534819ba2f16c/
filecenter/Additional/005.pdf
กัลยา วานิชยบัญชา และฐิตา วานิชยบัญชา. (2557). การใช้ SPSS for Windows ในการวิเคราะห์
ข้อมูล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สามลดา.
บุญชม ศรีสะอาด. (2547). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
เบญจวรรณ วงษ์รอด, (2565). ผลของโปรแกรมโดยประยุกต์ใช้แบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมการดูแล
ตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ในตำบลผักขวง อำเภอ
ทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ปวิตรา สุทธิธรรม, (2566). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงสำหรับ
กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลนายายอาม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี,
วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี.
วิชัย เอกพลากร, หทัยชนก พรรคเจริญ และวราภรณ์ เสถียรนพเก้า. (2564). การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดย
การตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 – 2563 (พิมพ์ครั้งที่1). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อักษรกราฟ ฟิค แอนด์
ดีไซน์.
วิภาพร สิทธิศาสตร์, นิดา มีทิพย์, และจันทร์จิรา อินจีน. (2562). ผลของโปรแกรมสนับสนุนพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ
สำหรับผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคลอง จังหวัดพิษณุโลก. วารสาร
พยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 29(1), 153–165.
ธนาพร ปะตาทะโย, วาริณี เอี่ยมสวัสดิกุล, และ มุกดา หนุ่ยศรี. (2563). ผลของโปรแกรมพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
ผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารพยาบาล, 69(3), 1-10.
สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (2566).สมุดประจำตัวผู้ป่วย
ความดันโลหิตสูง. สืบค้นจาก http://www.dms.moph.go.th.imrta
สมจิตต์ สินธุชัย, นุสรา นามเดช, ประไพ กิตติบุญถวัลย์, จีราภรณ์ ชื่นฉ่า, กันยารัตน์ อุบลวรรณ, และปัฐยาวัชร ปรากฏผล. (2564). การพัฒนารูปแบบความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการจัดการตนเอง และผลลัพธ์ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงในคลินิกหมอครอบครัว จังหวัดสระบุรี: สระบุรี: วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสระบุรี.
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ.2562.
(พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ทริค ธิงค์.
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย (Thai Hypertension Society). (2567). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิต
สูงในเวชปฏิบัติทั่วไป. สืบค้นจาก http://www.thaihypertension.org.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2565). โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบในตัวเรา.
สืบค้นจาก https://www.thaihealth.or.th/?p=234612
ศิรินทรา ด้วงใส และทิพมาส ชิณวงศ์. (2564). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองตามแบบ 5 เอ
ต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและผลลัพธ์ทางคลินิกในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้.
วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 41(4), 74-85.
American Academy of Family Physicians. (2021). Continuity of care. Retrieved from
https://www.aafp.org/about/policies/all/continuity-coordination-care-long-term-care-facilities.html
Best, J. W. (1977). Research in education (2nd ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice – Hell.
Bloom, B. S. (1975). Human characteristics and school learning. New York, NY: McGraw Hill.
Blood Pressure Association of Thailand. (2023). Guidelines for the Treatment of Hypertension In General
Practice. Retrieved from : https://thaihypertension.org/files/Guideline2024.pdf
Cohen J. Statistical Power Analysis. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences
(2nd ed.). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates.
Dey, P. K., & Hariharan, S. (2006). Integrated approach to healthcare quality management: The role of
patient safety and clinical risk management. International Journal of Health Care Quality
Assurance, 19(6), 506–519
Ettehad D, Emdin CA, Kiran A, Anderson SG, Callender T, Emberson J, Chalmers J, Rodgers A, Rahimi K.
(2016). Blood pressure lowering for prevention of cardiovascular disease and death: asystematic
review and meta-analysis.The Lancet, 387(10022), 957-967.
https://doi.org/10.1016/S0140-6736(15)01225-8
Park, K. (2021). Park’s textbook of preventive and social medicine (26th ed.). Jabalpur:
Banarsidas Bhanot.
Rippe, J.M. (2019). Lifestyle medicine (3rd ed.). Boca Raton, FL: CRC Press/Taylor & Francis.
WHO. (2022). World health organization Explore a world of health data Data GHo
Indicator Metadata Register List Blood pressure/hypertension.
Retrieved from https://www.who.int/data/gho/indicator-metadata-registry/imr-details/3155
WHO. (2018). Continuity and coordination of care: a practice brief to
support implementation of the WHO Framework on integrated people-
centred health services. Retrieved from https://apps.who.int/iris/handle/10665/274628.
WHO. (2013). A global brief on hypertension Silent killer,global public health crisis.
Retrieved from: http://www.who.int/cardiovascular_diseases/publications/
global_briefhypertension/en/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา (Thai Journal of Public Health and Health Education) เป็นลิขสิทธิ์ของ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี








