การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อก : กรณีศึกษา

ผู้แต่ง

  • วิไลวรรณ วิจิตรพันธ์

คำสำคัญ:

การพยาบาล, โรคไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อก

บทคัดย่อ

โรคไข้เลือดออก (Dengue Hemorrhagic Fever : DHF) เป็นโรคติดเชื้อที่มียุงลาย (Aedes aegypti) เป็นพาหะ ลักษณะที่สำคัญของโรคคือไข้ลดลงอย่างกระทันหันผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็นรอบๆ ปากเขียว บางรายจะมีอาการปวดท้องมาก ก่อนจะมีอาการช็อก  ถ้าให้การรักษาไม่ทันผู้ป่วยจะเข้าสู่ระยะ Profound Shock  อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ใน 24 ชั่วโมงหลังจากเริ่มช็อก 

กรณีศึกษา : เป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกและมีภาวะช็อก จำนวน 2 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการไข้สูง ชีพจรเบาเร็ว ความดันเลือดต่ำ Pulse Pressure แคบ มือเท้าเย็น กระสับกระส่าย มีระบบการไหลเวียนเลือดล้มเหลว  แพทย์วินิจฉัยเป็น Dengue Shock Syndrome  (DSS)  ให้การรักษาพยาบาลโดยการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำการให้ FFP Transfusion ตรวจค่า CBC และHct. ในด้านการพยาบาลผู้ป่วยทั้งสองรายได้รับการประเมินภาวะสุขภาพตามแบบแผนสุขภาพของ Gordon สรุปข้อวินิจฉัยการพยาบาลของผู้ป่วยทั้งสองรายที่เป็นปัญหาเดียวกัน ได้แก่ 1)ไข้เนื่องจากมีการติดเชื้อไวรัสแดงกี  2) ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดท้อง แน่นท้อง 3) มีภาวะ Hypovolemic Shock เนื่องจากการสูญเสียพลาสมาออกนอกหลอดเลือด 4) มีภาวะเลือดออกเนื่องจากความผิดปกติของผนังหลอดเลือดและการแข็งตัวของหลอดเลือด 5) เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารเนื่องจากรับประทานอาหารได้น้อย 6) ผู้ป่วยและครอบครัว มีความกลัวและวิตกกังวล และ 7) มารดาต้องการความรู้ในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้านตามหลัก D-M-E-T-H-O-D ส่วนข้อวินิจฉัยการพยาบาลของผู้ป่วยทั้งสองรายที่แตกต่างกัน  

คือ ผู้ป่วยกรณีที่ 1  1) เสี่ยงต่อภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนเนื่องจากปอดติดเชื้อทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง 2) มีภาวะน้ำเกินเนื่องจากการการได้รับปริมาณน้ำมากเกินไป และ 3) อาจเกิดภาวะอิเลคโทรไลท์ไม่สมดุลเนื่องจากภาวะช็อกแต่ผู้ป่วย   ปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวแต่ละรายได้รับการแก้ไขจนผู้ป่วยพ้นระยะวิกฤติ อาการดีขึ้น ปลอดภัยจากภาวะช็อก แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน โดยนัดติดตามผลการรักษา 1 สัปดาห์  

ผลลัพธ์ : โรคไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อกในผู้ป่วยเด็ก หากได้รับการวินิจฉัย และการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง และรวดเร็ว จะทำให้ผู้ป่วยปลอดภัย และลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้ ดังนั้นพยาบาลจึงต้องมีความรู้ ความเข้าใจ  เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก การดำเนินของโรคระยะต่างๆ ที่สำคัญคือระยะช็อก โดยพยาบาลจะต้องมีทักษะในการประเมินอาการ และอาการแสดงของโรค รวมถึงการจัดการปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวอย่างเหมาะสม ทันเหตุการณ์

เอกสารอ้างอิง

Pencharoen C, Kulwichit T, Tantavichien T, Thisyakorn U, Thisyakorn C. Dengue infection : A global concern. J Med Assoc Thai 2002; 85: S25-33.

สถิติโรคไข้เลือดออก. งานเวชระเบียนและสถิติ โรงพยาบาลขอนแก่น; 2558.

กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ.ไข้เลือดออก. ใน จารุพิมพ์ สูงสว่าง, ประพันธ์ อ่านเปรื่อง, วาณี วิสุทธิ์เสรีวษ์,พิมล ศรีสุภาพ, กวีวรรณ ลิ้มประยูร, บรรณาธิการ. The Essentials in Pediatric Emergency. กรุงเทพฯ : เฮาแดนดู จำกัด; 2549.

ศุขธิดา อุบล, จันทพงษ์ วะสี, บรรณาธิการ.ไข้เลือดออกเด็งกี่. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน ; 2548.

ศิริเพ็ญ กัลยาณรุจ, สุจิตรา นิมมานนิตย์, บรรณาธิการ.แนวทางการวินิจฉัย และรักษาโรคไข้เลือดออกเดงกี่ พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: ส.พิจิตรการพิมพ์; 2548.

รุจา ภู่ไพบูลย์. การวางแผนการพยาบาลเด็กสุขภาพดีและเด็กป่วย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ธรรมสภา; 2556.

วิจิตรา กุสุมภ์. การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต : แบบองค์รวม. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล

สหประชาพาณิชย์; 2553.

ศรีสมบูรณ์ มุสิกสุคนธ์และคณะ. ตำราการพยาบาลเด็ก เล่ม 1.กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด พรี-วัน; 2555.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-03-18

รูปแบบการอ้างอิง

วิจิตรพันธ์ ว. . (2025). การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อก : กรณีศึกษา . วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 12(3), 124–135. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/274276

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย