ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมารับบริการทางทันตกรรมของ ผู้สูงอายุ 60-74 ปี ใน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ:
ปัจจัย, การมารับบริการทางทันตกรรม, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์และความสำเร็จในงานสาธารณสุขได้ส่งผลทำให้มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ปัญหาสุขภาพช่องปากถือว่ามีความสัมพันธ์ต่อสุขภาพกายและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในหลายด้านการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมารับบริการทางทันตกรรมของผู้สูงอายุที่มีอายุ60-74 ปี ที่อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 480 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบอย่างมีระบบ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมารับบริการทางทันตกรรมด้วยสมการถดถอยพหุคูณลอจิสติก (Multiple Logistic Regression)นำเสนอผลการวิเคราะห์ด้วย Adjusted Odds Ratio(OR) และค่าช่วงเชื่อมั่น 95% ที่ระดับนัยสำคัญเท่ากับ 0.05
ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 62.9 มีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 67.1 ปี (sd=4.7 ปี) ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะภาพสมรส ร้อยละ 66.3 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จบการศึกษาสูงสุดคือระดับชั้นประถมศึกษาร้อยละ 75.2 โดยไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ ร้อยละ41.5 และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าร้อยละ 73.5 จากการศึกษาพบอัตราการมารับบริการทางทันตกรรมของผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ 32.08 ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมารับบริการทางทันตกรรมของผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60-74 ปีในเขตอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ อายุ(ORadj=1.96,95%CI[1.25,3.10]), ที่อยู่อาศัย(ในเขตหรือนอกเขตเทศบาล) (ORadj=2.20,95%CI[1.45,3.37]) และ การเคยได้รับความรู้ทางทันตสุขภาพ (ORadj=4.12,95%CI[2.70,6.29])
พบว่ามีผู้สูงอายุเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มารับการรักษาทางทันตกรรมซึ่งควรส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมารับบริการทางทันตกรรมเป็นประจำในสถานบริการที่สะดวกและส่งเสริมให้ทันตบุคลากรได้ให้ความรู้ทางทันตสุขภาพในเชิงรุกแก่ผู้สูงอายุ
References
2.กนกอร โพธิ์ศรี.ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียฟันของผู้สูงอายุที่มีอายุช่วง 60-74 ปี ในเขตและนอกเขตเทศบาลนครขอนแก่นอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น.วารสารทันตาภิบาล.2558;26(2):73–86.
3.สำนักงานสถิติแห่งชาติ.ข้อมูลสถิติจำนวนผู้สูงอายุประเทศไทย ปี 2559 [ออนไลน์] 2560 [อ้าง
เมื่อ 1 ตุลาคม 2560]. จาก: https://www.dop.go.th/th/know/1/51
4.สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2555.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก;2556.
5. Hsieh FY, Bloch DA, Larsen MD. A simple method of sample size calculator for linear and logistic regression.Stat Med 1998;17(14):1623-34.
6.Cláudia de Oliveira Ferreira, José Leopoldo Ferreira Antunes,FabiolaBof de Andrade. Factors associated with the use of dental services by elderly Brazilians.RevSaúdePública 2013;47(Supl 3):1-7.
7. Adams C, Slack-Smith L, Larson A, O’Grady M. Dental visits in older Western Australians: a comparison of urban, rural and remote residents. Aust J Rural Health 2004 Aug; 12(4):143–9.
8. De Oliveira TC, da Silva DA, Leite de Freitas YN, da Silva RL, Pegado CP de C, de Lima KC. Socio-demographic factors and oral health conditions in the elderly: a population-based study.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารทันตาภิบาล