ความชุกของฟันตกกระและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะฟันตกกระ ในเด็กประถมศึกษา อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม

ผู้แต่ง

  • อรวรรณ นามมนตรี ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาทันตสาธารณสุข วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น
  • ชนัญดา มนิสสา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะแบง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
  • เนตรปรียา ทั่งกระโทก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดงพลอง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา
  • สุชาดา กองทอง โรงพยาบาลเพ็ญ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี
  • สุทธิรัศมิ์ พรรณพราว ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลบรบือ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม

คำสำคัญ:

เด็กประถมศึกษา, ฟันตกกระ, ผู้ปกครองเด็ก, ปัจจัย, ความชุก

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional analytical study) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุก ของการเกิดฟันตกกระ ระดับความรุนแรงของฟันตกกระ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะฟัน ตกกระในเด็กประถมศึกษา อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ เด็กประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 - 6 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 304 คนและผู้ปกครอง เก็บข้อมูลฟันตกกระในเด็กโดยใช้แบบตรวจฟันตกกระซึ่งแบ่งความรุนแรงตามดัชนีฟันตกกระของดีน (Dean’s index) โดยผู้ตรวจผ่านการปรับมาตรฐานการตรวจ ค่าสถิติ Kappa มีค่า 0.81 - 0.88 และเก็บข้อมูลการรับรู้สภาวะฟันตกกระในผู้ปกครองโดยใช้แบบวัด การรับรู้ฟันตกกระที่มีค่าความเชื่อมั่นโดยใช้วิธีครอนบาคแอลฟ่าเท่ากับ 0.77 และแบบวัดความรู้ที่มีความเชื่อมั่นโดยใช้วิธีของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน สูตร KR-20 เท่ากับ 0.70 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Chi-square และ Multiple logistic regression

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 59.50 อายุเฉลี่ย 10.77 ปี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.88 นักเรียนมีฟันตกกระคิดเป็นร้อยละ 36.50 โดยเพศชายมีฟันตกกระมากกว่าเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 48.80 และ 28.20 ตามลำดับ พบความชุกสภาวะฟันตกกระระดับสงสัย คิดเป็นร้อยละ 27.60 โดยซี่ฟันที่พบว่าเป็นฟันตกกระระดับสงสัย พบมากที่สุดในฟันซี่ 21 คิดเป็นร้อยละ 17.10 ผู้ปกครองส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 73.30 อายุเฉลี่ยเท่ากับ 47.89 ปี (S.D. = 10.72) ร้อยละ 72.40 ไม่เคยรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฟันตกกระและส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับฟันตกกระระดับต่ำ คิดเป็น ร้อยละ 83.20 เมื่อวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะฟันตกกระพบว่าปัจจัยด้านเพศ และ จำนวนครั้ง ในการแปรงฟันของเด็ก มีความสัมพันธ์กับสภาวะฟันตกกระ โดยพบว่าปัจจัยด้านเพศมีความสัมพันธ์กับสภาวะฟันตกกระอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001) เมื่อพิจารณาโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฟันตกกระ พบว่า เพศชายมีโอกาสมีฟันตกกระมากกว่าเพศหญิง 2.40 เท่า (AOR = 2.41, 95% CI = 1.46 - 3.99) และจำนวนครั้งในการแปรงฟันของเด็ก มีความสัมพันธ์กับสภาวะฟันตกกระอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p-value <0.001) เมื่อพิจารณาโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดฟันตกกระ พบว่า เด็กที่แปรงฟันมากว่า 2 ครั้งต่อวัน มีโอกาสมีฟันตกกระมากกว่าเด็กที่แปรงฟัน 1 - 2 ครั้งต่อวัน 4.17 เท่า (AOR = 4.17, 95% CI = 2.36 - 7.41) ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรระมัดระวังการใช้ปริมาณยาสีฟันในเด็กและควรดูแลใกล้ชิดขณะเด็กแปรงฟัน เพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟันจนทำให้เสี่ยงต่อฟันตกกระ

เอกสารอ้างอิง

Ekstrand J. Fluoride Metabolism. Munksgaard: Denmark; 1996.

ศันสณี รัชชกูล. ความรู้สู่ประชาชนเพื่อเด็กยุคใหม่ฟันไม่ตกกระ. เชียงใหม่: โรงพิมพ์กลางเวียง; 2542.

ศูนย์ทันตสาธารณสุขระหว่างประเทศ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ เขต 10. ฟันตกกระ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ศูนย์ทันตสาธารณสุขระหว่างประเทศ; 2544.

สำนักทันตสาธรณสุข กรมอนามัย. ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำบริโภค. รายงานปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำบริโภค งานเฝ้าระวังทันตสุขภาพ. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.

กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. รายงานผลการสำรวจทันตสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ประเทศไทย. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2545.

Warren JJ, Kanellis MJ, Levy SM. Fluorosis of the primary dentition: what does it mean for permanent teeth? J Am Dent Assoc. 1999; 130(3): 347-56.

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ประเทศไทย. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2555.

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ประเทศไทย. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.

Wondwossen F, Astrøm AN, Bjorvatn K, Bårdsen A. The relationship between dental caries and dental fluorosis in areas with moderate- and high-fluoride drinking water in Ethiopia. Community Dent Oral Epidemiol. 2004; 32(5): 337-44.

กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข. การสุ่มตรวจสอบปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม. เอกสารประกอบการตรวจราชการและนิเทศงานกรณีปกติ รอบ 1. มหาสารคาม: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม; 2559.

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. คู่มือสำหรับพ่อแม่เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการดูแล และพัฒนาเด็ก ตอน เด็กวัยเรียน 6 - 12 ปี. กรุงเทพฯ: ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. 2548.

ฟาริดา เพียงสุข, สาวิตรี วะสีนนท์. การยึดติดในฟันตกกระ. เชียงใหม่ทันตแพทยสาร. 2557; 35(2): 13-23.

สุทธิรัศมิ์ พรรณพราว. ปัจจัยบ่งชี้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุในเด็กปฐมวัย อำเภอบรบือ จังหวัด มหาสารคาม. วารสารสมาคมประสาทวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. 2561; 13(2): 7-22.

Hsieh FY, Bloch DA, Larsen MD. A simple method of sample size calculation for linear and logistic regression. Statistics in Medicine. 1998; 17(14): 1623-34.

สุรัตน์ มงคลชัยอรัญญา, อังศณา ฤทธิ์อยู่. แนวทางจัดการฟลูออไรด์สูงในน้ำบริโภคเพื่อป้องกันผลกระทบทางทันตสุขภาพ. นนทบุรี: กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2548.

Dean HT, Arnold FA, Elvove E. Domestic water and dental caries. Additional studies of the relation of fluoride domestic waters to dental caries experience in 4,425 white children aged 12 - 14 years in 13 cities in four states. Public Health Rep 1942; 57: 1155-79.

สมทรัพย์ อธิคมรังสฤษฏ์. ฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำบาดาลของประเทศไทย. การประชุมวิชาการ กทธ. ปี 2538 เรื่อง “ความก้าวหน้าและวิสัยทัศน์ของการพัฒนาทรัพยากรธรณี”; วันที่ 11-13 มกราคม 2538.

วันวิสาข์ ขำแสง. การรับรู้และความคิดเห็นของประชาชนต่อปัญหาฟันตกกระของชุมชน ตำบลบวกค้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ [วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2552.

ขนิษฐา อุปการ, ทิพยาภรณ์ มาลา. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะฟันตกกระในเด็กวัยเรียน กับพฤติกรรมการบริโภคน้ำในครอบครัวที่มีเด็กฟันตกกระของตำบลสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. 2560; 7(2): 160-7.

วิกุล วิสาลเสสถ์, สุรางค์ เชษฐพฤนท์, สุวิภา อนันต์ธนสวัสดิ์. การกลืนยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในเด็กก่อนวัยเรียน. วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์. 2546; 53(3): 161-7.

เพ็ญทิพย์ จิตต์จำนงค์, วิกุล วิสาลเสสถ์, สุรางค์ เชษฐพฤนท์. ความเสี่ยงต่อฟันตกกระจากการกลืนยาสีฟันในเด็กไทย. วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. 2546; 25(3): 84-91.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-12-31

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย (Research article)