Effectiveness of Dental Health Education Program by Application of Self Efficacy Theory on Gingivitis Prevention of Grade Nine Secondary School Students in Tao Ngoi District in Sakon Nakhon Province
Keywords:
Self-efficacy; dental health care; Plaque, Self-efficacy, dental health care, plaqueAbstract
โรคเหงือกอักเสบในเด็กมัธยมศึกษาตอนต้น ยังคงเป็นปัญหาด้านทันตสาธารณสุขในประเทศไทย การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนคือการพัฒนาพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพที่ถูกต้อง ซึ่งการจัดโปรแกรมทันตสุขศึกษาในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กกลุ่มนี้ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถตนเองเพื่อป้องกันโรคเหงือกอักเสบในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 73 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 37 คน และกลุ่มเปรียบเทียบ 36 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมทันตสุขศึกษาที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้น ใช้ระยะเวลาในการศึกษาทั้งสิ้น 7 สัปดาห์ รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และประเมินทักษะการแปรงฟันที่ถูกวิธี ทักษะการตรวจฟันอย่างง่ายด้วยตนเอง และปริมาณคราบจุลินทรีย์บนตัวฟัน การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบด้วยสถิติ Independent t-test ภายหลังการทดลอง พบว่ากลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ความเข้าใจโรคในช่องปากและอนามัย
ช่องปาก การรับรู้ความสามารถตนเองในการดูแลทันตสุขภาพ ความคาดหวังในผลลัพธ์ของการปฏิบัติตนจากการดูแลทันตสุขภาพ เจตคติต่อการดูแลทันตสุขภาพ ทักษะการแปรงฟันที่ถูกวิธี ทักษะการตรวจฟันอย่างง่ายด้วยตนเอง สูงขึ้นและสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.001) นอกจากนี้ พบว่ากลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนปริมาณแผ่นคราบจุลินทรีย์บนตัวฟันลดลงและน้อยกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.001)
จากผลการวิจัยแสดงว่า โปรแกรมทันตสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถตนเองเพื่อป้องกันโรคเหงือกอักเสบในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร ทำให้มีการพัฒนาพฤติกรรมในการดูแลทันตสุขภาพที่ดีขึ้น
References
2. กมลทิพย์ สุขสันติสกุลชัย. เอกสารประกอบการสอนวิชาทันตกรรมป้องกัน. พิมพ์ครั้งที่ 5. วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น;2551.
3. สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7. สำนักพิมพ์งานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก: กรุงเทพฯ, 2555.
4. กองทันตสาธารณสุข. รายงานผลการสำรวจสภาวะช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2555. โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กรุงเทพฯ.ครั้งที่ 5;2556.
5.วิริยา สุขวงศ์. การศึกษาชุมชน. ภาควิชาสุขศึกษา คณะพละศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.กรุงเทพฯ;2540.
6. พิสมัย จันทวิมล. นิยามศัพท์ส่งเสริมสุขภาพ พิมพ์ครั้งที่ 2. โครงการตําราสํานักพิมพ์สถาบันระบบสาธารณสุข นนทบุรี;2541.
7. สิริลักษณ์ รสภิรมย์. ประสิทธิผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถตนเองที่มีต่อพฤติกรรมทันตสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ;2556.
8. กุลชาติ วัฒนวงศ์เวฬุวนารักษ์. ผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถของตนเองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคเหงือกอักเสบในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตำบล เมืองแคน อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการระบบสุขภาพ, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม;2555.
9. Bandura, A. Self-Efficacy : Toward a Unifying of Behavior Change Psychological. New York: Holt, Rincchart and Winson;1977.
10. ปัญนี กิตติพงศ์พิทยา. การประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพในนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 อำเภออรัญประเทศ จังหวัด สระแก้ว. Journal of Health Education January - April 2008 Vol. 31 No. 108;2552.
Downloads
Published
Issue
Section
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารทันตาภิบาล