การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจแต่กำเนิดที่มีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่เกิดในหัวใจห้องบน

บทคัดย่อ

ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่เกิดในหัวใจห้องบน (Supraventricular Tachycardia, SVT) เป็นภาวะฉุกเฉิน ที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจแต่กำเนิด มักเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด ทำให้การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เพียงพออย่างรวดเร็วและอาจเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นได้โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจแต่กำเนิดที่มีปัญหาการทำงานของหัวใจอยู่แล้ว วัตถุประสงค์ของบทความนี้เพื่อทบทวนสาระสำคัญที่เกี่ยวข้อง กับภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่เกิดในหัวใจห้องบนในผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจแต่กำเนิดและแนวทางการพยาบาล ครอบคลุมเนื้อหากลไกการเกิด อาการและอาการแสดง การวินิจฉัย แนวทางการรักษาในระยะวิกฤต และบทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยในแต่ละแนวทางการรักษาในขณะที่เกิดอาการ รวมถึงคำแนะนำเพื่อการป้องกัน การกลับเป็นซ้ำ ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะที่เกิดในหัวใจห้องบน เกิดจากการลัดวงจรหรือวิ่งวนซ้ำของการส่งสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ มีกลไก คือการเกิดช่องทางพิเศษทำให้เกิดการไหลวนของสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ การแบ่งทางเดินสัญญาณไฟฟ้าเป็นสองทาง และการมีเซลล์พิเศษในหัวใจห้องบนที่สามารถสร้างสัญญาณไฟฟ้าได้เองและเร็วกว่าตัวเริ่มต้นของการส่งกระแสไฟฟ้า ทำให้เกิดการบีบตัวของหัวใจมากกว่าปกติ การประเมินคลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงให้เห็นอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วผิดปกติและมีจังหวะสม่ำเสมอร่วมกับความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ QRS complex และ P wave พยาบาลเด็กจะต้องสามารถประเมินอาการและอาการแสดงของ SVT และอ่านผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่บ่งชี้ภาวะ SVT ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว การรักษามีความเฉพาะเจาะจง เช่น การกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติพาราซิมพาเทติกซ์ โดยการเพิ่มความดันในช่องอกและช่องท้อง การประคบเย็นบริเวณใบหน้า การนวดหลอดเลือดแดงคาโรติด และการกระตุ้นรีเฟล็กซ์การขย้อน และการให้ยาด้วยเทคนิคการใช้หลอดฉีดยาคู่ในการเตรียมและการบริหารยา การปรับจังหวะการเต้นของหัวใจด้วยไฟฟ้า ทำในกรณีที่ระบบไหลเวียนโลหิตไม่คงที่ การตรวจติดตามการไหลเวียนโลหิตอย่างใกล้ชิดและการประเมิน ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ก่อน ระหว่างและหลังการรักษาถือเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลโดยครอบครัวเป็นศูนย์กลางในทุกกระบวนการของการรักษาและการดูแล เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ พยาบาลเด็กต้องมีทักษะทางคลินิกขั้นสูงที่ต้องหมั่นฝึกฝนให้พร้อมเสมอเพื่อประเมินและจัดการอาการฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว แผนการรักษามีหลายวิธีและอาจใช้ร่วมกันต้องอาศัยการเตรียมพร้อมให้ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ รวมถึงทักษะการช่วยชีวิต การดูแล โดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลางเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลผู้ป่วย รวมทั้งการให้คำแนะนำเพื่อให้สามารถดูแลตัวเองที่บ้าน การลดปัจจัยเสี่ยง การประเมินอาการเบื้องต้นและไปโรงพยาบาลได้ทันท่วงที