The Effectiveness of SKT ,s Meditation Therapy on Glucose Levels in Diabetic Patients with Poor Glycemic Control
Keywords:
SKT ,s meditation therapy, diabetic patients, poor glycemic controlAbstract
Objective: The aim was to compare the effects of SKT ,s meditation therapy on glucose levels of diabetes mellitus patients with poor glycemic control before and after the practice of SKT ,s Meditation therapy techniques 1 and 3.
Methods: A quasi-experimental research was done on diabetic patients with poor glycemic control at Ban Koh Hong community, Takian Luan Subdistrict, Amphoe Mueang, Nakhon Sawan Province. G* power program was used to calculate the sample size, which showed size of least 30 participations. A purposive sampling technique was applied to select the samples. Research instruments composed of 3 parts: 1) demographic data 2) manual of practicing SKT ,s meditation therapy which was developed by Somporn Kantharadussadee Triamchaisri selected only techniques 1 and 3 at IOC of 0.92 3) behavior self-recorded form at IOC of 0.84, Data were analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation, and paired t-test.
Results: After continuously 6-week participating in SKT ,s meditation therapy techniques 1 and 3, diabetic patients with poor glycemic control had significantly decreased levels of blood glucose (p<.01).
Conclusion: Applying SKT ,s meditation therapy techniques 1 and 3 to diabetics patients with poor glycemic control is an alternative or additional way to control their blood glucose, prevent complications, and promote their quality of life.
References
2. กองแผนงาน กรมควบคุมโรค. รายงานผลการดำเนินงานกรมควบคุมโรครอบ 6 เดือน ปีงบประมาณ พ.ศ.2561 (1 ตุลาคม 2560- 31 มีนาคม 2561). นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.
3. เทวัญ ธานีรัตน์, แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ, วิกิต ประกายหาญ, และคณะ. แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานด้วยการแพทย์ผสมผสาน. นนทบุรี: วี อินดี้ ดีไซน์; 2558.
4. สมพร กันทรดุษฏี เตรียมชัยศรี. การปฏิบัติสมาธิเพื่อการเยียวยาสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 12. นนทบุรี: ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเจี้ยฮั้ว; 2556.
5. อรอุมา ปัญญาโชติกุล, สุธินา เศษคง, สุขุมาภรณ์ ศรีวิศิษฐ. ผลของสมาธิบำบัด SKT ในการลดระดับความดันโลหิต ของผู้ที่มารับบริการโรงพยาบาลสิเกา จังหวัดตรัง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 2560; 4(2): 245-55.
6. วรัญญากรณ์ โนใจ, เอกพันธ์ คำภีระ, เฉลิมพล กำใจ, และคณะ. ผลของการปฏิบัติสมาธิบำบัดเพื่อการเยียวยาแบบ SKT ต่อระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน. วารสารพยาบาลทหารบก. 2561; 19(3): 175-84.
7. อมรรัตน์ แก้วโพนเพ็ก. ผลของการออกกำลังกายร่วมกับสมาธิบำบัดในผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านที่เป็นโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน ตำบลวังสวาบ จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2561; 12(2): 265-72.
8.ณัฐธิดา พระสว่าง, รัชนก คชไกร, ยุพา จิ๋วพัฒนกุล. ผลของสมาธิบำบัด นั่งผ่อนคลาย ประสานกายประสานจิตร่วมกับการรักษาแบบเดิมต่อความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ชนิดไม่ทราบสาเหตุในหน่วยบริการปฐมภูมิ. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ.2561; 36(1): 33-42.
9. ประชุมพร กวีกรณ์, ภูเบศร์ แสงสว่าง, เนาวรัตน์ ค้าข้าว, และคณะ. รูปแบบการใช้สมาธิบำบัดSKT โดยครู ก เพื่อควบคุมความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จังหวัดยโสธร.วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย.2559; 6(3): 231-39.
10. สุภาพร แนวบุตร. ผลของการควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลโดยใช้เทคนิคสมาธิบำบัด SKT 3. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย. 2562; 12(1): 96-104.
11.จิราภรณ์ นกแก้ว. ผลของโปรแกรมการพยาบาลเพื่อสร้างแรงจูงใจในการฝึกโยคะต่อดัชนีมวลกายและระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร มหาบัณฑิตสาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่]. สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2558.
12.อัจฉรา แสนไชย,ลินจง โปธบาล,ภารดี นานาศิลป์. ผลของการปฏิบัติสมาธิเคลื่อนไหวไทยชี่กงต่อระดับฮีโมโกลบินเอวันซีในผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2. พยาบาลสาร. 2554; 38(4): 65-80.
13. ดวงใจ พันธ์อารีวัฒนา. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการควบคุมค่าน้ำตาลสะสมในเลือดไม่ได้ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในโรงพยาบาลบางแพ จังหวัดราชบุรี.วารสารแพทย์เขต 4-5.2561; 37(4): 294-305.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนบทความ แต่หากผลงานของท่านได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ลงวารสารแพทย์เขต 4-5 จะคงไว้ซึ่งสิทธิ์ในการตีพิมพ์ครั้งแรกด้วยเหตุที่บทความจะปรากฎในวารสารที่เข้าถึงได้ จึงอนุญาตให้นำบทความในวารสารไปใช้ประโยชน์ได้ในเชิงวิชาการโดยจำเป็นต้องมีการอ้างอิงถึงชื่อวารสารอย่างถูกต้อง แต่ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
