ประสิทธิผลของโปรแกรมการให้ความรู้และคำปรึกษาด้านยาโดยเภสัชกรในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
คำสำคัญ:
ประสิทธิผลของโปรแกรม, การให้คำปรึกษาด้านยาโดยเภสัชกร, โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้บทคัดย่อ
โรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมอาการและลดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ด้วยการรับประทานยารักษาโรคความดันโลหิตสูงอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง การวิจัยแบบกึ่งทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบระดับความร่วมมือในการรับประทานยาและระดับความดันโลหิตของผู้ป่วย ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการให้ความรู้และคำปรึกษาด้านยาโดยเภสัชกร กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 74 รายแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 37 ราย และกลุ่มควบคุม 37 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินความร่วมมือในการรับประทานยาของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และโปรแกรมการให้ความรู้และการให้คำปรึกษาด้านยาโดยเภสัชกร วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยก่อนและหลังใช้โปรแกรม ด้วยสถิติ Paired t-test Wilcoxon Signed Ranks test Independent t–test และ Mann Whitney U Test กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 54.10 อายุเฉลี่ย 59.49 ปี (S.D.=7.34) มีโรคร่วมเป็นไขมันในเลือดสูง ร้อยละ 81.10 และรับประทานยาด้วยตนเอง ร้อยละ 91.90 หลังใช้โปรแกรม ค่าเฉลี่ยความร่วมมือในการรับประทานยาของกลุ่มทดลอง (X=3.95, S.D.=0.10) สูงกว่าก่อนใช้โปรแกรม (X=3.64, S.D.=0.14) และสูงกว่ากลุ่มควบคุม (X=3.69, S.D.=0.16) ค่าเฉลี่ยระดับความดันโลหิตซิสโตลิกของกลุ่มทดลอง (X=141.46, S.D.=8.76) มีค่าน้อยกว่าก่อนใช้โปรแกรม (X=147.43, S.D.=9.49) และน้อยกว่ากลุ่มควบคุม (X=146.76, S.D.=8.09) และค่าเฉลี่ยระดับความดันโลหิตไดแอสโตลิกของกลุ่มทดลอง (X=91.27, S.D.=6.44) มีค่าน้อยกว่าก่อนใช้โปรแกรม (X=95.59, S.D.=6.59) และน้อยกว่ากลุ่มควบคุม (X=95.95, S.D.=4.37) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) ดังนั้นโปรแกรมการให้ความรู้และการให้คำปรึกษาด้านยาโดยเภสัชกรนี้เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิผล สามารถนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2566). ข่าวเพื่อสื่อมวลชน. สืบค้นจาก: https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=43037&deptcode=brc&news_views=3244
กองยุทธศาสตร์และแผน กระทรวงสาธารณสุข. (2560). สถิติสาธารณสุข 2560. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นจาก: http://www.pcko.moph.go.th/Health-Statistics/stratistics60.pdf
ทินณรงค์ เรทนู , มุกดา หนุ่ยศรี และนภาเพ็ญ จันทขัมมา. (2564). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานยาในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 35(1), 90-107.
นันทิกานต์ หวังจิ, อุมาพร ปุญญโสพรรณ และไหมไทย ศรีแก้ว. (2558). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานยาต่อความร่วมมือในการรักษาด้วยยาและระดับความดันโลหิตในผู้สูงอายุมุสลิมที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้. การประชุมเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 34 คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 835-846. สืบค้นจาก https://gsbooks.gs.kku.ac.th/58/the34th/pdf/MMO11.pdf
นิรัช สุดสังข์. (2559). ระเบียบวิธีวิจัยทางการออกแบบ. กรุงเทพมหานคร: โอเอสพริ้นติ้งเฮาส์.
นิตยาทิพย์ แสนแดง และชื่นจิตร โพธิศัพท์สุข. (2561). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ยาในผู้สูงอายุโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อําเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 36(3), 33-41.
บุญใจ ศรีสถิตนรากูร. (2553). ระเบียบวิธีวิจัยทางการพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 5). ยูแอนด์ไอ อินเตอร์มีเดีย.
ปิยมนต์ รัตนผ่องใส, สุนีย์ ละกำปั่น และ ปาหนัน พิชยภิญโญ. (2559). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ในการใช้ยาต่อความฉลาดทางสุขภาพด้าน การใช้ยาและความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้. วารสารสภาการพยาบาล, 31(4), 50-62.
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข. (2567). ข้อมูลระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (Health Data Center : HDC). สืบค้นจาก: https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/page.php?cat_id=b2b59e64c4e6c92d4b1ec16a599d882b
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป. สืบค้นจาก: http://www.thaihypertension.org/guideline.html
ศิริพร พรหมรัตน์, พนิตา ค้าผล และณัฏฐิญา ค้าผล. (2564). ผลของโปรแกรมสร้างความร่วมมือในการใช้ยาโดยใช้เภสัชกรรมทางไกลในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. ไทยไภษัชยนิพนธ์, 17(1), 31-41.
สุพัตรา สิทธิวัง, ศิวพร อึ้งวัฒนา และเดชา ทำดี. (2563). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรม สุขภาพและระดับความดันโลหิตของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้. พยาบาลสาร, 47(2), 85-97.
สุภาพร สุปินธรรม. (2566). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการใช้ยาต่อความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ได้รับบริการผ่านระบบเภสัชกรรมทางไกล โรงพยาบาลป่าซาง จังหวัดลำพูน. เภสัชกรรมคลินิก, 29(1), 51-64.
Bandura A. (1982). Self-efficacy: Mechanism in human agency. American Psychologist, 37(2), 122-47.
Morisky, D.E., Ang, A., Krousel-Wood, M., & Ward H.J. (2008). Predictive validity of a medication adherence measure for hypertension control. Journal of Clinical Hypertension, 10(5), 348-354.
Prochaska, J. O., & Velicer, W. F. (1997). The transtheoretical model of health behavior change. American Journal of Health Promotion, 12(1), 38-48.
World Health Organization. (2023). Hypertension. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/hypertension.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา (Thai Journal of Public Health and Health Education) เป็นลิขสิทธิ์ของ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี








