ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดี
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, ความดันโลหิตสูง, พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ, การดูแลผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพและระดับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพทั้งภาพรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านการเข้าถึงข้อมูล และบริการสุขภาพ ด้านความเข้าใจทางสุขภาพ ด้านการประเมินข้อมูลทางสุขภาพ และด้านการประยุกต์ใช้/ตัดสินใจข้อมูลทางสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดี อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา กลุ่มตัวอย่าง 346 ราย สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องตรงตามเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ จํานวน 3 ท่าน มีค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.60 ขึ้นไป และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพของโรคความดันโลหิตสูง และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพได้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาเท่ากับ 0.879 และ 0.809 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติอนุมาน Pearson's correlation coefficient
ผลการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิง ร้อยละ 65.0 มีอายุ 69.3±6.9 ปี สถานภาพสมรส ร้อยละ 69.7 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 54.6 กลุ่มตัวอย่างมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในภาพรวมระดับดีมาก ร้อยละ 72.0 พฤติกรรมการดูแลสุขภาพระดับดี ร้อยละ 45.4 ผลการวิเคราะห์แสดงว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=0.192, p<.001) โดยความรอบรู้ด้านสุขภาพด้านความเข้าใจทางสุขภาพ การประเมินข้อมูลทางสุขภาพ และการประยุกต์ใช้/ตัดสินใจข้อมูลทางสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวกเช่นเดียวกัน ส่วนการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรดำเนินการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ตลอดจนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2565). ประชาชนรอบรู้ สู้โรคไม่ติดต่อ Health Literacy : Together Fight NCDs. นนทบุรี: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2567). รายงานประจำปีงบประมาณ 2567 กองโรคไม่ติดต่อ. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
กองสุขศึกษา กรมสนุบสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2568). เทคนิคการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) สำหรับ อสม. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.
กรรณิการ์ การีสรรพ์, พรทิพย์ มาลาธรรม และนุชนาฏ สุทธิ. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพความรู้เกี่ยวกับการควบคุมโรคความดันโลหิตสูง และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 25(3), 280-295.
กลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติตต่อเรื้อรัง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอรัตภูมิ. (2567). สรุปผลการดำเนินโรคไม่ติดต่อเรื้อรังประจำปีงบประมาณ 2567. สงขลา: สำนักงานสาธารณสุขอำเภอรัตภูมิ.
ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. (2561). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ เข้าถึง เข้าใจ และการนำไปใช้ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ จำกัด (มหาชน).
จิราภรณ์ อริยสิทธิ์. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิชาการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3, 20(3), 117-123.
ชินตา เตชะวิจิตรจารุ. (2561). ความรอบรู้ทางสุขภาพ: กุญแจสำคัญสู่พฤติกรรมสุขภาพและผลลัพธ์สุขภาพที่ดี. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(ฉบับพิเศษ), 1-11.
ฐิตินันท์ นาคผู้ และอาจินต์ สงทับ. (2562). พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 13(1), 48-54.
นลินี หนูห่วง. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 8(4), 264-274.
พชร ชินสีห์. (2561). การพัฒนาแบบวัดความรอบรู้ทางสุขภาพของโรคความดันโลหิตสูงในประเทศไทย[วิทยานิพนธ์หลักสูตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต]. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พิม สุวรรณิน. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ. 2ส. ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง หน่วยตรวจหัวใจด้วยเครื่องมือพิเศษ โรงพยาบาลตำรวจ. วารสารวิจัยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต, 1(2), 10-19.
พัทธ์ธีรา วุฒิพงษ์พัทธ์, กัญญาวีณ์ โมกขาว และอภิสรา วงศ์สละ. (2567). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพจิตโดยใช้การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตและความผาสุกทางใจของผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี, 18(1), 36-47.
ปราณี ทัดศรี, ปรางค์ทิพย์ อุจะรัตน, ขนิตฐา หาญประสิทธิ์คำ, จุฬาลักษณ์ อินทะนิล และกันยนา มีสารภีทัดศรี. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้สุขภาพและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุที่เป็นความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ สสอท, 5(1), 1-16.
ปาจรา โพธิหัง. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในประเทศไทย: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 29(3), 115-130.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา. (2567). ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ จังหวัดสงขลา: รายงานมาตรฐาน: ส่งเสริมป้องกัน การเฝ้าระวัง. สืบค้นจาก https://hdc.moph.go.th/ska.
ศุภลักษณ์ ทองขาว. (2563). ผลของโปรแกรมการสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดููแลตนเองและระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยความดันโลหิตสููงที่ควบคุมไม่ได้ วัยผู้ใหญ่ตอนต้น [วิทยานิพนธ์หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยรังสิต.
วิชัย เอกพลากร. (2564). รายงานการสำรวจสุขภาพประชากรไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562- 2563. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
สุภาพร มงคลหมู่. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มเสี่ยง ในอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี. [วิทยานิพนธ์หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สันติภาพ โพธิมา, สุพัฒน์ กองศรีมา, พีรยุทธ แสงตรีสุ, ณัฐพร นิจธรรมสกุล และภูวนาภ ศรีสุธรรมสุข. (2567). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุโรคเบาหวานตําบลสีออ อําเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี, 32(2), 175-185.
อาภรณ์ คําก้อน, สุพัตรา บัวที, อัจฉรา ชัยชาญ, บุญญภัสร์ ภูมิภู และกัญจน์ณิชา เรืองชัยทวีสุข. (2565). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงของผู้สูงอายุในชุมชนเมืองและกึ่งเมือง. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล, 28(2), 1-16.
Alabama Public Health. (2021). Consequences of high blood pressure. Retrieved from: https://www.alabamapublichealth.gov/cardio/high-bp-consequences.html
Alyafei A. & Easton-Carr R. (2024). The health belief model of behavior change. Retrieved from: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK606120/
Centers for Disease Control and Prevention. (2025). High Blood Pressure. Retrieved from: https://www.cdc.gov/high-blood-pressure/about/index.html
Cronbach L.J. (1984). Essentials of sychological testing (4th ed). New York: Harper.
Darvishpour A., Mansour-ghanaei R. & Mansouri F. (2022). The relationship between health literacy, self-efficacy, and self-care behaviors in older adults with hypertension in the north of Iran. Health Literacy Research and Practice, 6(4), e262-e269.
Du S., Zhou Y., F. Cong, Wang Y., Du X. & Xie R. (2018). Health literacy and health outcomes in hypertension: an integrative review. International Journal of Nursing Sciences, 5(3), 301- 309.
Krejcie R.V. & Morgan D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Levin L.S. (1976). Self-care an international perspective. Social Policy, 7(2), 70-75.
Nutbeam D. (2000). Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259-267.
Mills KT., Stefanescu A. & He J. (2020). The global epidemiology of hypertension. Nature Reviews Nephrology, 16(4), 223-237.
Sørensen K., Van den Broucke S., Fullam J., Doyle G., Pelikan J., Slonska Z., et al. (2012). Health literacy and public health: a systematic review and integration of definitions and models. BMC Public Health. 12(80), 1-13.
World Health Organization. (2022). Health literacy development for the prevention and control of noncommunicable diseases: Volume 1. Retrieved from: https://www.who.int/publications/i/item/9789240055339
World Health Organization. (2023a). Hypertension. Retrieved from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/hypertension
World Health Organization. (2023b). Global report on hypertension: the race against a silent killer. Geneva: World Health Organization.
World Health Organization. (2023c). First WHO report details devastating impact of hypertension and Ways to stop it. Retrieved from: https://www.who.int/thailand/news/detail/19-09-2023-first who-report-details-devastating-impact-of-hypertension-and-ways-to-stop-it
Wright B.D. & Masters G.N. (1982). Rating Scale Analysis. Chicago: MESA PRESS.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา (Thai Journal of Public Health and Health Education) เป็นลิขสิทธิ์ของ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี








