การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง

บทคัดย่อ

          การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตทั้งทางกาย จิต และสังคม เพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าและมีคุณประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง การวิจัยเชิงพรรณนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคมใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง และเปรียบเทียบความแตกต่างของระดับการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุที่มีเพศ เขตที่อยู่อาศัย การมีโรคประจำตัวและความพอเพียงของรายได้แตกต่างกัน กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคม จำนวน 128 คน ได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จำนวน 20 ข้อ ผ่านการตรวจสอบความตรงโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้ค่าดัชนี ความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์ระหว่าง .67 – 1.00 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาก เท่ากับ .88 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ สถิติ Independent-samples t –test ผลการวิจัยพบว่า     กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 74 ปี (SD = 5.28) ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 65.60) สถานภาพสมรส (ร้อยละ 39.80) นับถือศาสนาพุทธ (ร้อยละ 56.30) ภาพรวมของการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุ กลุ่มติดสังคม 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างอยู่ในระดับปานกลาง (M = 1.59, SD = 0.54) และพบว่า ผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคมเพศชาย (M = 1.60, SD = .57) และหญิง (M = 1.58, SD =.59) เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมไม่แตกต่างกัน t(126) = .19, p = .85 เช่นเดียวกับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาล (M = 1.57, SD =.57) หรือในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล (M = 1.60, SD =.54), t(126) = .26, p = .81 ผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคประจำตัว(M = 1.65, SD = .62) หรือมีโรคประจำตัว (M = 1.56, SD =.50), t(126) = .81, p = .42 และผู้สูงอายุที่มีรายได้พอเพียง (M = 1.53, SD =.54) หรือไม่เพียงพอ (M = 1.65, SD =.55, t(126) = 1.27, p = .21 การศึกษาพบว่าผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคมที่มีเพศ รายได้ เขตที่อยู่อาศัย การมีโรคประจำตัว มีการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมไม่แตกต่างกัน ดังนั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรจัดกิจกรรม ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับความสนใจและเหมาะกับเพศ ภาวะสุขภาพ เขตที่อยู่อาศัย และช่วงเวลาที่ไม่มีผลกระทบต่อรายได้