วิถีชีวิต วิถีสุขภาพ และบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุข ในการควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังตามบริบทของชาวสวนยางพารา
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อศึกษาวิถีชีวิต วิถีสุขภาพของชาวสวนยางพารา และบทบาทที่คาดหวังของ อสม.ในการควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ตามบริบทของชาวสวนยางพารา บ้านไผ่ใหญ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ผู้ให้ข้อมูลเป็นกลุ่มประชาชนและกลุ่ม อสม. ที่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา สมัครใจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 40 ราย เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสัมภาษณ์ชนิดกึ่งโครงสร้าง โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก ร่วมกับการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วมบันทึกภาคสนาม และการบันทึกเสียง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) วิถีชีวิตของชาวสวนยางพารามีความเกี่ยวพันกับ “ห้วงเวลา” ในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไป และวิถีสุขภาพของชาวสวนยางพารา พบว่า ด้านพฤติกรรมการบริโภคอาหาร มีการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ดื่มกาแฟ สูบบำหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลด้านการออกกำลังกายมีความเชื่อว่า การเห็นด้วยเหน็กเหนื่อยจากการทำงานเป็นการออกกำลังกาย ด้านการพักผ่อน ใช้เวลาช่วงกลางวันและด้านความเครียด เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ ใช้วิธีการสวดมนต์และพูดคุยในการคลายเครียด 2) บทบาทที่คาดหวังของ อสม.ในการควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ประกอบด้วย 1) อสม.เห็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้ตรงประเด็น 2) มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนวิธีการที่เหมาะสม เช่น การเจาะน้ำตาลในเลือดหลังอาหารแนวทางการดูแลตนเอง การรับประทานยาที่สอดคล้องกับบริบทห้วงเวลา และ 3) ร่วมกันหาแนวทางในการจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพที่ตรงกับบริบทของพื้นที่
Article Details
บทความและรายงานวิจัยในวารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เป็นความคิดเห็นของ ผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมศิษย์เก่าพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้
เอกสารอ้างอิง
2. Beuro of Non Communicable Disease. Annual report 2015. Bangkok: Ministry of Public Health; 2016.
3. Kitreerawutiwong N. Chronic illness care in primary care. Journal of Public Health Nursing 2016;30(1):113-26.(in Thai).
4. Sittisart V. The development of strategies to improve village health volunteers’ performance in the control of non-communicable diseases (NCD): a case study in the lower northern region [Master thesis]. Phitsanulok: Naresuan University. 2013.(inThai).
5. Department of Health Service Support Ministry of Public Health. Strategic Plan Department of Health Service Support Ministry of Public Health from 2009-2011. [Internet]. 2011. [cited 2017 Feb 6]. Available from: http://www.hss.moph.go.th/file_upload/p2506-1.pdf
6. Data of Non Communicable Disease. Annual report 2015. Phitsanulok: Ban Phai Yai Health Promotion Hospital; 2015. (in Thai).
7. Pattaraporn S. Working Environment and health status of the rubber farmer in Bantat subdistrict, Maung district, Udon Thanni Province [Master thesis]. Khonkaen: Khonkaen University : 2009. (in Thai).
8. Pravate W. Create values for community health, future of the mation and humanity is at human values and strengthen community. Bangkok: QTP Limited. 2009. (in Thai).
9. Chai P. Science and Art of Qualitative Research. 7thed. Bangkok: Amarin Printing & Publishing. 2016. (in Thai).
10. Yupaporn J, Chavapornpan C, Wanpen S. Health preventive behaviors among rubber plantation Workers 2007;16(3):390-99.(in Thai).
11. Sudaporn W, Uraiwan I. health risk assesment from rubber farming activities in Nongsang district, Udonthani province. Journal of Public Health Research 2012;5(1):13-20. (in Thai).
12. American Diabetes Association: Checking your blood glucose [Internet]. 2016 [cited 2017 Feb 6]. Available from:http://www.diabetes.org/living-with-diabetes/treatment-and-care/blood-glucose-control/checking-our-blood -glucose.html.
13. Punyapat C, Tum Boonrod. Factors affecting self-care among rubber farmers. The Public Health Journal of Burapha University 2013;7(1):42-49.(in Thai).
