ประสบการณ์การจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน ที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้

ผู้แต่ง

  • ฉัตรทอง จารุพิสิฐไพบูลย์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • ดุษฎี ไตรยวงศ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • อารีย์รัตน์ เปสูงเนิน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • เสาวลักษณ์ ทาแจ้ง มหาวิทยาลัยราชธานี วิทยาเขต อุดรธานี
  • กัลยาณี สุขสุเมฆ โรงพยาบาลขามทะเลสอ
  • นฤมล เปรมาสวัสดิ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

ประสบการณ์, การจัดการตนเอง, ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงคุณภาพแบบปรากฏการณ์วิทยานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสบการณ์การจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ ผู้ให้ข้อมูลมีจำนวน  15 คน มีระดับความดันโลหิตตัวบนมากกว่า   160 มิลลิเมตรปรอท และ/หรือระดับความดันโลหิตตัวล่างมากกว่า 100 มิลลิเมตรปรอท เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือน มิถุนายน  - สิงหาคม 2567 รวบรวมข้อมูลโดยวิธี การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ตามแนวคิดของ ฮัซเซิร์ล  (Husserl) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการของ จีออจี (Giorgi,s Method) และสร้างความน่าเชื่อถือของงานวิจัยตามแนวทางของลินคอนและกูบา ( Lincoln & Guba ) ผลการวิจัยพบว่า ประสบการณ์การจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ สรุปได้ 3 ประเด็น  ดังนี้ 1. เป็นเพราะตนเอง คือ เป็นการรับรู้ ความรู้สึก ความเชื่อ วัฒนธรรมและการแสดงพฤติกรรมของผู้ป่วยที่มีผลทำให้ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ไม่ออกกำลังกาย ลืมรับประทานยา ใช้สารที่มีผลต่อการเพิ่มระดับความดันโลหิต และมีความเชื่อวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ไม่เหมาะสม 2. ครอบครัวและชุมชนมีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือ คือ การมีบุตรหลานดูแลเรื่องการเลือกรับประทานอาหารที่ดีให้ผู้ป่วยรับประทาน  3. ระบบบริการดีมีมาตรฐาน คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำชัดเจน และระบบบริการมีความรวดเร็ว เข้าถึงง่าย ซึ่งผลการวิจัยเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาการทำงานของระบบบริการสุขภาพเชิงรุกให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ

เอกสารอ้างอิง

กิตติพล อยู่คง.(2566). ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการตนเองร่วมกับการแพทย์ทางไกลต่อ พฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ชนิดไม่ทราบสาเหตุ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย.[วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต].มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ขวัญชัย ประเสริฐยิ่ง, และธงชัย อามาตยบัณฑิต. (2567). ปัจจัยที่มีผลต่อการขาดนัดของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ได้รับการวินิจฉัยจากการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงในชุมชนในจังหวัดนครพนม. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อม และสุขภาพชุมชน, 9(1), 308-320.

ณรากร จันทร์สงคราม.(2564). ปัจจัยที่มีอิทธิพลกับพฤติกรรมการรับประทานยาในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชียฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 15(2), 142-159.

ดวงใจ เปลี่ยนบำรุง.(2559). การรับรู้สุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ใช้บริการกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 34(1), 83-92.

ดาลิมา สำแดงสาร, ทิพมาส ชิณวงศ์, และเพลินพิศ ฐานิวัฒนานนท์. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความร่วมมือในการรักษาของผู้สูงอายุ โรคความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 39(3), 51-66.

ธัญรดี ปราบริปู. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารับบริการที่คลินิกพิเศษ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 32(2), 184-194.

นาตยา ดวงประทุม.(2564). การรับรู้ส่วนบุคคลของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ตำบลแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 8(3), 188-199.

ผ่องพรรณ อรุณแสง.(2560). การพยาบาลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด(พิมพ์ครั้งที่ 11). คลังนานาวิทยา.

ยุฑามาส วันดาว, ทิพมาส ชิณวงศ์, อุดมรัตน์ ชโลธร, และอรุณี ทิพย์วงศ์.(2561). ประสบการณ์การจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมไม่ได้ โรงพยาบาลสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 38(3)52-64.

รุ่งทิวา ขันธมูล, และสมจิต แดนสีแก้ว. (2560). การจัดการตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 35(2), 89-97.

เรียมใจ พลเวียง, และมิ่งขวัญ ภูหงส์ทอง. (2565). การพัฒนารูปแบบการควบคุมระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโดยการมีส่วนร่วม ของชุมชน อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 31(1), s26-s35.

วิสิทธิ์ ปิ่นประชานันท์.(2564). การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 3(1), 23-37.

วนิดา สติประเสริฐ.(2558). ผลการชี้แนะต่อพฤติกรรมสุขภาพและระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตที่ไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยบูรพา.

ศตวรรษ อุดรศาสตร์, ลัดดา พลพุทธา, ณิชพันธุ์ระวี เพ็งพล, ปลมา โสบุตร์, บุณยดา วงค์พิมล, และชนิดาวดี สายืน. (2566).ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 20(1), 28-41.

ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข. (2567). ร้อยละของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่จากผู้ที่มีระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์เกือบสูง. https://hdc.moph.go.th/center/public/standard-report-detail/e46c73b57c9eeb2f07759a9e9bc50fb3

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย.(2558). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป : Thai guidelines on the treatment of hypertension . มปท.

สุทัศน์ ศุภนาม, อังคณา สมคง, กรรณิกา รักยิ่งเจริญ, และนิษา เรืองกิจอุดม. (2565). ประสบการณ์การดูแลตนเองตามการรับรู้ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้. วารสารวิชาการมหาวอทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 16(2), 186-197.

สุวภัทร บุญเรือน, วินัย สยอวรรณ, และสุรัสวดี เพชรคง.(2566). ผลการได้รับความรู้ร่วมกับการออกกําลังกาย ด้วยท่ากายบริหารมณีเวชของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลอุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 6(3), 12-23.

เสงี่ยม จิ๋วประดิษฐ์กุล.(2563). พฤติกรรมการดูแลตนเองและความสามารถในการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองโพธาวาส, วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ, 3(1), 15-30.

หทัยกานต์ ห้องกระจก, นฤมล ปทุมารักษ์, และเขมารดี มาสิงบุญ. (2559). อิทธิพลของความแตกฉานด้านสุขภาพ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน และการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรสุขภาพ ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ. วารสารแพทย์นาวี, 43(2), 39-54.

อรรัตน์ หวั่งประดิษฐ, ชลาลัย โชคดีศรีจันทร์, สมสมัย ทัพนันท์, ศิริขวัญ โพธิ์แจ้ง, และจารุวรรณ สุรัสโม. (2567). การรับรู้ด้านสุขภาพและความร่วมมือในการใช้ยาของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข, 4(2), 1-18.

อมรรัตน์ ลือนาม, นิลาวรรณ งามขำ, ดวงหทัย แสงสว่าง, วิภาวรรณ เพ็งพานิช, กมลทิพย์ รัตนสุวรรณาชัย, วชรดล เส็งลา, และกิตติ ประจันตเสน.(2562). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของประชาชนกลุ่มเสี่ยง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 23(1), 93-106.

อัจฉรา ขันธสนธิ์, บวรลักษณ์ ทองทวี, และศศิพิมพ์ ไพโรจน์กิจตระกูล.(2565). ผลของโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมความร่วมมือในการควบคุมความดันโลหิตสูง และผลลัพธ์ทางคลินิกในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม. วารสารพยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 49(1), 225-237.

Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and Company.

Giorgi A.(1985). Phenomenology and psychological research. Pittsburgh, Pennsylvania: Duquesne University Press

Husserl E. (1965). Phenomenology and the crisis of philosophy (Q. Lauer, Trans.). Harper & Row. Original work published 1936)

Lincoln, Y. S., & Guba, E. G. (1985). Naturalistic inquiry. Newburg Park : Sage. Mimura S. (2023). Exercise prescription in the treatment of hypertension. Hypertension Research, 46(2), 521–522. https://doi.org/10.1038/s41440-022-01083-z

Teramato M. , Yamagishi K. , Muraki I., Tamakoshi A. & Iso H..(2021). Green tea and coffee consumption and all-cause mortality among persons with and without stroke or myocardial infarction. Stroke, 52(3), 957–965. https://doi.org/10.1161/strokeaha.120.032273

World Health Organization. (2023). First WHO report details devastating impact of hypertension and ways to stop it. https://www.who.int/news/item/19-09-2023-first-who-report-details-devastating-impact-of-hypertension-and-ways-to-stop-it

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-04-24

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย