ความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็กของผู้ปกครองเด็กปฐมวัย จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, อุบัติเหตุ, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, เด็กปฐมวัย, ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยบทคัดย่อ
วิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็กของผู้ปกครองเด็กปฐมวัย จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย จำนวน 115 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ ความตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ .97 ความเชื่อมั่นเท่ากับ .86 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและสถิติ Chi-square test ผลการวิจัยพบว่า ผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 71.3 ความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็กในภาพรวมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับ พอใช้ (M = 68.81, SD = 13.03) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ ไม่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็ก (x2= 2.109, p >.05) ระดับการศึกษามีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็กอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (x2= 13.663, p <.05) ผลการศึกษาเสนอแนะให้บุคลากรทีมสุขภาพ ผู้ดูแลในสถานดูแลเด็ก ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียน พัฒนาแนวทางการให้ความรู้หรือฝึกทักษะในการป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็กแก่ผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ สามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในเด็กและสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุในเด็กได้
อย่างเหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
กันยา โพธิปิติ. (2566). ความรอบรู้ด้านสุขภาพในการการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยของผู้เลี้ยงดูหลักและครู/ผู้ดูแลเด็ก ในเขตสุขภาพที่ 5. วารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น, 15(1), 28-50.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2561). คู่มือการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy สำหรับโรงเรียน).
กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2565). สถานการณ์การเสียชีวิตจากการบาดเจ็บ (Injury) ของเด็กในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558-2562.
คำสงค์ ชินมาตร. (2567). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับภาวะโภชนาการและพัฒนาการเด็กปฐมวัยในผู้เลี้ยงดูเด็ก. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 17(2),140-153.
จามจุรี แซ่หลู่, และ นภาวรรณ วิริยศิริกุล. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันโรคอ้วนของเด็กวัยเรียนที่เริ่มอ้วนและอ้วนในโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช. Journal of MCU Nakhondhat, 7(11), 1-15.
ชินตา เตชะวิจิตรจารุ. (2561). ความรอบรู้ทางสุขภาพ: กุญแจสำคัญสู่พฤติกรรมสุขภาพและผลลัพธ์สุขภาพที่ดี. วารสารพยาบาลทหารบก, 19, 1-11.
ทัศนีย์พรรณ อาจมาก. (2567). ความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ดูแลเด็กที่มารับการรักษาด้วยโรคระบบทางเดินหายใจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ คลินิกตรวจโรคทั่วไป. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมล้านนา, 14, 261-274.
ธิโสภิญ ทองไทย, สุพัตรา บุญเจียม, ปิยะ ปุริโส, นิตยา ศรีมานนท์, และลัดดา ดีอันกอง, (2566). ความรอบรู้สุขภาพในการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยของผู้เลี้ยงดูเด็ก เขตสุขภาพที่ 7. วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 46(1), 105–115.
ประไพ กิตติบุญถวัลย์, จีราภรณ์ ชื่นฉ่ำ, และศักดิ์มงคล เชื้อทอง. (2565). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมด้านสุขภาพของเด็กวัยเรียน. วารสาร มจร. การพัฒนาสังคม, 7(2), 71-84.
ปาจรา โพธิหัง. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในประเทศไทย: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 29(3), 115–130.
วชิระ เพ็งจันทร์. (2560). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy). สำนักงานโครงการขับเคลื่อนกรมอนามัย 4.0 เพื่อเพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.
วิภารัตน์ สุวรรณไวพัฒนะ, จุภาพร ภิรมย์ไกรภักดิ์, และวิจิตรา นวนันทวงศ์. (2562). ความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันโรคอ้วนของเด็กวัยรุ่นตอนต้น. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 6(ฉบับพิเศษ), 80-90.
ศรีสุดา บุญขยาย. (2562). การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป กรณีศึกษาเขตสุขภาพที่ 4. กลุ่มขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และพัฒนากำลังคน ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี กรมอนามัย.
สุพัตรา บุญเจียม, เบญจา มุกตพันธุ์, รัชฎา ฉายจิต, และสุวิทย์ อุดมพาณิชย์. (2564). เด็กปฐมวัยคุณภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.วารสารวิจัย มข. (ฉบับบัณฑิตศึกษา). 21(4), 196-209.
สุภัทรา สารขาว, เดชา ทำดี, และวราภรณ์ บุญเชียง. (2563). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของสมาชิกครอบครัวสำหรับการป้องกัน การบาดเจ็บของเด็กปฐมวัยในชุมชน. พยาบาลสาร, 47(1), 209- 221.
Bodur, A. S., Filiz, E., & Kalkan, I. (2017). Factors affecting health literacy in adults: a community based study in Konya, Turkey. International journal of caring sciences, 10(1), 100-109.
Lafta, R. K., Al-Shatari, S. A., & Abass, S. (2014). Mothers' knowledge of domestic accident prevention involving children in Baghdad City. Qatar medical journal, 2013(2), 17.
Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social science & medicine, 67(12), 2072-2078.
Yamane, T. (1973). Statistics: an introductory analysis. New York: New York: Harper & Row.
Yin H.S., Johnson M., Mendelsohn A.L., Abrams M.A., Sanders L.M., & Dreyer B.P. (2009). The health
literacyof parents in the United States: a nationally representative study. pediatrics 2009,124, 289–98.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล ซึ่งดำเนินการโดยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการวารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล หรือวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว