ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีวิชัย อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู

ผู้แต่ง

  • สิงหา สีหานาท โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีวิชัย อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู
  • อนันต์ศักดิ์ จันทรศรี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

คำสำคัญ:

โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ, พฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง, โรคความดันโลหิตสูง

บทคัดย่อ

โรคหลอดเลือดสมองเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังทดลอง เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 60 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมสุขภาพการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง แบบสัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลด้านสุขภาพ แบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ 0.85 และ 0.88 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาก เท่ากับ .86 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและ Pair t-test ผลการวิจัยพบว่า พบว่า ก่อนการทดลองกลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ในระดับพอใช้ ร้อยละ 70.0 (M = 60.98, SD = 12.75) แต่หลังการทดลองกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ในระดับดี ร้อยละ 80.0 (M = 74.68, SD = 12.76) และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง พบว่า หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = -15.89, p < .001) สรุปผลการวิจัย โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เป็นแนวทางส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้

เอกสารอ้างอิง

กาญจนาพร ยอดภีระ. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากโรคหลอดเลือดสมอง ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 1(2), 17-27.

กองโรคไม่ติดต่อ. (2567, 29 ตุลาคม). กรมควบคุมโรค รณรงค์วันหลอดเลือดสมองโลก 2567 ชวนประชาชนตั้งเป้าออกกำลังกายสม่ำเสมอ ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อ. https://datariskcom-ddc.moph.go.th/download/6614/

จารุวรรณ จันดาหงษ์, เดชา ทำดี, และ ศิวพร อึ้งวัฒนา. (2566). ผลของโปรแกรมส่งเสริมความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของกลุ่มเสี่ยงในชุมชน. พยาบาลสาร, 50(1), 300-313.

ชูชาติ กลิ่นสาคร, และ สุ่ยถิน แซ่ตัน. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ อำเภอด่านช้างจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 2(2), 62-77.

ณฐกร นิลเนตร, ชนัญญา จิระพรกุล, และเนาวรัตน์ มณีนิล. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ. วารสารสุขศึกษา, 41(1), 62-75.

ณัชชา เจริญสรรพกิจ. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ การรับรู้อาการเตือน กับพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารระบบบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว, 3(3), 46-58.

ทรัพย์ทวี หิรัญเกิด, ไพฑูรย์ วุฒิโส, และ เมวดี ศรีมงคล. (2564). ผลของโปรแกรมความเชื่อด้านสุขภาพต่อความรู้ พฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง และระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ. วารสารพยาบาลทหารบก, 22(1), 478-487.

ทิตาวดี สิงห์โค, ศากุล ช่างไม้, และ ทิพา ต่อสกุลแก้ว. (2563). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพในผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและการรับรู้ประโยชน์ของการคงไว้ซึ่งพฤติกรรมในผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยง. วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, 16(2), 42-60.

นิพิฐพนธ์ สนิทเหลือ, วัชรีพร สาตร์เพ็ชร์, และ ญาดา นภาอารักษ์. (2562). การคำนวณขนาดตัวอย่างด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป G*Power. วารสารวิชาการสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 5(1):496-507.

ปัทมาพร ชนะมาร, อภิญญา วงศ์พิริยโยธา, และ สุรชาติ สิทธิปกรณ์. (2566). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพผ่านการพยาบาลทางไกลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้. วารสารสภาการพยาบาล, 38(4), 408-424.

เปรมฤดี เฮนะเกษตร. (2567). ผลของโปรแกรมการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ, 7(1), e 267149. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/jhri/article/view/267149

พอใจ พลพิมพ์. (2564). ผลของโปรแกรมสุขศึกษาเรื่องโรคหลอดเลือดสมองที่มีต่อความรู้ และการรับรู้ของผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ในโรงพยาบาลเชียงขวัญ. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ, 2(3), 167-175.

ยุทธนา ชนะพันธ์, และ ดาริวรรณ เศรษฐีธรรม. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร. 21(2), 109-119.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีวิชัย. (2566). สรุปข้อมูลผลการดำเนินงาน OTOP DM รพ.สต.ศรีวิชัย. อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู.

วรารัตน์ เหล่าสูง, วรรณรัตน์ ลาวัง, และ พรนภา หอมสินธุ์. (2562). ผลของโปรแกรมการประยุกต์แบบความเชื่อด้านสุขภาพร่วมกับการสนับสนุนของครอบครัวต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 12(4), 32-45.

สมคิด จูหว้า, รุ่ง วงศ์วัฒน์, และ อนุกูล มะโนทน. (2562). ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและเครื่องมือ“ปิงปองจราจรชีวิต 7 สี” ต่อความรู้ การรับรู้ตามทฤษฎีความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมระดับความรุนแรงของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ตำบลแม่กาอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา. วารสารวิจัยทางการพยาบาล การผดุงครรภ์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 39(2), 127-141.

เสงี่ยม จิ๋วประดิษฐ์กุล. (2563). พฤติกรรมการดูแลตนเอง และความสามารถในการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหติสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองโพธาวาส. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ, 3(1), 15-29.

Chen, M., Wang, M., Qiao, M., Li, X., Chen, L., & Li, Y. (2024). Determinants influencing health-promoting behaviors in individuals at high risks of stroke: A cross-sectional study. Frontiers in Public Health, 12, 1323277. https://doi.org/10.3389/fpubh.2024.1323277

GBD 2021 Stroke Risk Factor Collaborators. (2024). Global, regional, and national burden of stroke and its risk factors, 1990–2021: A systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2021. The Lancet Neurology, 23(10), 973–1003. https://doi.org/10.1016/S1474-4422(24)00369-7.

Strategy and Planning Division. (2019). Public Health Statistics. Ministry of Public Health, Thailand. Retrieved from https://dmsic.moph.go.th/index/detail/8297

Stretcher, V. J., & Rosenstock, I. M. (1997). The health belief model. In A. Baum (Ed.), Cambridge handbook of psychology, health and medicine (pp. 113-117). Cambridge University Press.

Wang, H. M., Chen, Y., Shen, Y. H., & Wang, X. M. (2024). Evaluation of the effects of health education interventions for hypertensive patients based on the health belief model. World Journal of Clinical Cases, 12(15), 2578–2585. https://doi.org/10.12998/wjcc.v12.i15.2578

World Stroke Organization. (2018). About World Stroke Day. Retrieved from https://www.world-stroke.org/world-stroke-day-campaign/world-stroke-day/previous-world-stroke-days/world-stroke-day-2018

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-29

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย