ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างความรู้การดูแลเด็กเพื่อป้องกันภาวะชักจากไข้ผ่าน LINE Official Account “ลดไข้ ไกลชัก” ต่อความรู้และการปฏิบัติของผู้ดูแลเด็ก
คำสำคัญ:
ชักจากไข้สูง, เด็ก, ผู้ดูแล, บัญชีไลน์ทางการบทคัดย่อ
ภาวะชักจากไข้ เป็นภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หากเกิดการชักต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญา รวมถึงคุณภาพชีวิตของเด็กและผู้ดูแลได้ การวิจัยนี้เป็นวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลัง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความรู้ การปฏิบัติการดูแลเด็กก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรม และศึกษาความพึงพอใจของผู้ดูแลเด็กต่อสื่อ กลุ่มตัวอย่าง คือผู้ปกครองของเด็กนักเรียน ช่วงอายุตั้งแต่ 2-4 ปี ที่ไม่เคยมีประวัติชักจากไข้ ชักจากโรคลมชัก และชักจากปัจจัยอื่น ๆ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 38 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1)โปรแกรมการเสริมสร้างความรู้การดูแลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้ผ่านสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ LINE Official Account “ลดไข้ ไกลชัก” 2) แบบวัดความรู้ 3) แบบประเมินการปฏิบัติการดูแลเด็ก และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ดูแลเด็กต่อสื่อ โดยเครื่องมือมีค่าความเชื่อมั่นที่ยอมรับได้ ดังนี้ ข้อ 2 และ 3 มีค่าคูเดอร์-ริชาร์ตสัน (KR-20) เท่ากับ .75 และ .72 ตามลำดับ ข้อที่ 4 มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาก (α) เท่ากับ .85 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติ dependent t-test ผลการวิจัย พบว่าคะแนนความรู้ (M = 21.71, SD = 1.77) และการปฏิบัติการดูแลเด็ก (M = 13.63, SD = 2.23) หลังการเรียนรู้ผ่าน LINE Official Account “ลดไข้ ไกลชัก” สูงกว่าก่อน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) และระดับความพึงพอใจต่อสื่อ อยู่ระดับมากที่สุด (M = 4.73, SD =.50) ดังนั้นโปรแกรมการเสริมสร้างความรู้การดูแลเด็กเพื่อป้องกันภาวะชักจากไข้ผ่าน LINE Official Account “ลดไข้ ไกลชัก” จึงเป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีความเหมาะสมอย่างมากต่อการเพิ่มพูนความรู้และการปฏิบัติการดูแลของผู้ดูแลเด็กได้
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์. (2565). แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลเด็กที่มีไข้และชัก. กระทรวงสาธารณสุข.
ญาภัทร นิยมสัตย์, วิรุฬจิตรา อุ่นจางวาง, วิภารัตน์ สุวรรณไวพัฒนะ, ปิยะรัตน์ แสงบำรุง, และศรีมนา นิยมค้า. (2567). การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อสร้างเสริมสมรรถนะการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงวิชาชีพรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น สำหรับนักศึกษาพยาบาล. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, 10(2), 156–176.
ณัฐปัณฑ์ แก้วเงิน, พูลสุข เจนพานิชย์ วิทสุทธิพันธ์, และอนันต์นิตย์ วิสุทธิพันธ์. (2563). ผลของโปรแกรมควบคุมการชักผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคลมชัก. วารสารการพยาบาลสุขภาพรามา, 28(1), 109–125.
ณัฐพร ลอยเกตุ, วัชรี ลีลานุกูล, และกัญญาณัฐ ไชยวงค์. (2565). ความพึงพอใจของผู้ปกครองต่อการใช้ LINE Official Account เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพเด็กปฐมวัย. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ, 18(2), 45–56.
ประภาศรี พิทยานุกุล. (2560). ผลของการให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นต่อพฤติกรรมการดูแลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้ของผู้ปกครอง. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 40(2), 45–56.
พงษ์เทพ เดชทิตย์, อัจฉรียา ปทุมวัน, และศรีสมร ภูมนสกุล. (2564). ผลโปรแกรมส่งเสริมการดูแลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้ต่อความรู้และการรับรู้สมรรถนะแห่งตนของผู้ดูแลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้. วารสารการพยาบาลสุขภาพรามา, 27(1), 30–46.
พรพิมล ตั้งสุริยานนท์, ศิริลักษณ์ อัศวบำรุงกุล, และฐิติพร ฟางสะอาด. (2561). การศึกษาความผิดปกติทางเมตาบอลิกในเด็กที่มาด้วยอาการไข้และชักครั้งแรก. จุฬาลงกรณ์เวชสาร, 62(4), 641-652.
ภัทรกร ก้อนโทน, วัชรวรรณ ฐานะวัน, กัญญารัตน์ ดำนา, ภัทรพล กริ่งกระโทก, ปราณปริยา ต่อชีวี, สาวิตรี โอดสำโรง, เปมิกา จุลสำโรง, วีระวัฒน์ บุตรชานนต์, และญาภัทร นิยมสัตย์. (2568). การพัฒนาโปรแกรมการป้องกันอุบัติเหตุและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่โรงเรียนสำหรับครูผู้ดูแลเด็กปฐมวัย. วารสารรามาธิบดีเวชสาร, 48(2), e272504. https://doi.org/10.33165/rmj.48.02.e272504
รสสุคนธ์ เจริญสัตย์สิริ. (2561). พฤติกรรมของผู้ปกครองในการดูแลเด็กที่ชักจากไข้สูง. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า, 35(1), 40–46.
วิมลวัลย์ วโรฬาร, ดวงใจ ลิมตโสภณ, ศรีสุดา สมัดชัย, และพัชรณัฎฐ์ ฤทธิรณกันต์. (2568). ผลของการพยาบาลระบบสนับสนุนและให้ความรู้แก่ผู้ดูแลต่อความรู้และความสามารถในการดูแลเด็กที่มีภาวะไข้. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 36(1), 97-110.
วิไลยวัลย์ พนาลิกุล. (2563). ผลการพัฒนาความสามารถของผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กชักจากไข้สูงโดยใช้โปรแกรมส่งเสริมการมีส่วนร่วม. วารสารการพยาบาลสุขภาพและการศึกษา, 3(2), 44–55.
วราภรณ์ อินทรักษา. (2561). ผลของโปรแกรมส่งเสริมความรู้ต่อการดูแลเด็กที่มีภาวะไข้และชักในผู้ปกครอง. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา, 13(1), 24–36.
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. (2566). เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลักสูตรการประยุกต์ใช้งาน LINE Official Account เพื่อสนับสนุนภารกิจของกรมชลประทาน. https://shorturl.asia/KAhPs
American Academy of Pediatrics. (2011). Febrile seizures: Clinical practice guideline for the long-term management of the child with simple febrile seizures. Pediatrics, 127(2), 389–394.
Anderson, L. W., & Krathwohl, D. R. (Eds.). (2001). A taxonomy for learning, teaching, and assessing: A revision of Bloom’s taxonomy of educational objectives (Complete ed.). Longman.
Antar Hussien, A. A. E. H., El-aty, A., Saad, N., & Mohammed, A. A. E. (2025). Knowledge and attitudes of mothers regarding febrile convulsions among children under FiveYears at Assiut City. Assiut Scientific Nursing Journal, 13(48), 18-31.
Bhavsar, V., Sriram, N., Wilson, P., & Bhavsar, A. (2024). Study to assess the effectiveness of educational package on knowledge regarding prevention and management of febrile seizure among the mother of children admitted in Shri Vinoba Bhave Civil Hospital, Silvassa, Dnh. International Journal for Multidisciplinary Research, 6(2), 1-11. https://doi.org/10.36948/ijfmr.2024.v06i02.15489
Cohen, J. (1992). A power primer. Psychological bulletin, 112(1), 155.
El Sayed, H., Mahfoz, F., & Ahmed, H. (2022). Effect of bite-sized teaching sessions on parent’s knowledge, attitude, and practice regarding febrile seizures in children. Tanta Scientific Nursing Journal, 26(3), 44–64. https://doi.org/10.21608/tsnj.2022.253969
Ferretti, A., Riva, A., Fabrizio, A., Bruni, O., Capovilla, G., Foiadelli, T., Orsini, A., Raucci, U., Romeo, A., Striano, P., & Parisi, P. (2024). Best practices for the management of febrile seizures in children. Italian Journal of Pediatrics, 50(1), 95. https://doi.org/10.1186/s13052-024-01666-1
Hussein, A. A., Khalaf, Z. F., & Al-Mosawi, A. J. (2021). Effectiveness of educational program on mothers’ knowledge regarding febrile convulsion. Indian Journal of Forensic Medicine & Toxicology, 15(3), 4948–4954. https://doi.org/10.37506/ijfmt.v15i3.16259
Kuladee, S., Thanomrat, P., & Wongsawat, N. (2020). Effect of educational media on caregivers’ knowledge and practices regarding febrile seizures in children. Journal of Pediatric Nursing, 51, e46–e50.
Lai, J. W. (2017). The use of instant messaging in health care communication: A systematic review. Studies in Health Technology and Informatics, 245, 90–94.
Leung, A. K. C., Hon, K. L., & Leung, T. N. H. (2018). Febrile seizures: An overview. Drugs in Context, 7, 212536. https://doi.org/10.7573/dic.212536
McGriff, S. J. (2008). Instructional system design (ISD): Using the ADDIE model. College of Education, Pennsylvania State University.
Nurhayati, N., & Anita, N. (2022). The relationship of knowledge, information, attitude to the handling of febine seizures toddlers in Cisungsang health center. Science Midwifery, 10(5), 4350-4356.
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2021). Nursing research: Generating and assessing evidence for nursing practice (11th ed.). Wolters Kluwer.
Paul, S. P., Seymour, M., Flower, D., & Rogers, E. (2015). Febrile convulsions in children. Nursing Children and Young People, 27(5), 14–15. https://doi.org/10.7748/ncyp.27.5.14.s16
Sawires, R., Buttery, J., & Fahey, M. (2022). A review of febrile seizures: Recent advances in understanding of febrile seizure pathophysiology and commonly implicated viral triggers. Frontiers in Pediatrics, 9, 801321. https://doi.org/10.3389/fped.2021.801321
Suwanbamrung, C., Somrongthong, R., & Ward, P. R. (2018). Participatory action research to develop school health education programs in rural Southern Thailand. Pacific Rim International Journal of Nursing Research, 22(3), 216–229. (in Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล ซึ่งดำเนินการโดยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการวารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล หรือวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว