ผลการประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ
Keywords:
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่, ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, smoking behavior change, self-efficacy theory, police officersAbstract
การวิจัยกึ่งทดลองคเงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่โดย การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สูบบุหรี่และยินดีเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 30 คน จัดโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ โดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ ความสามารถตนเอง กิจกรรมประกอบด้วย การให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ การใช้วีดีทัศน์ผลจาก การสูบบุหรี่ การทดสอบความจุปอด การวัดคาร์บอนมอนอกไซด์ การเสนอตัวแบบ การสร้างความหวัง ในอนาคต การให้คำปรึกษาเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเลิกสูบบุหรี่ และการกระตุ้นเตือน เก็บข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถามและวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย โดยใช้สถิติ Paired f—test ที่ระดับ นัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลองค่าเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถตนเองในการเถิก สูบบุหรี่ ความคาดหวังในผลลัพธ์ของการเถิกสูบบุหรี่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัย สำคัญทางสถิติ (p < 0.001) และหลังการทดลองเจ้าหน้าที่ตำรวจมีค่าเฉลี่ยปริมาณมวนบุหรี่ที่สูบต่อวันตํ่า กว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.001) ดังนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรสนับสนุนัให้ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ความสามารถตนเองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเกิดความคาด หวังในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ในกลุ่มที่มีความต้องการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่และควรมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระตุ้นและช่วยเหลือให้ ผู้สูบบุหรี่สามารถเถิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวร
Downloads
Issue
Section
License
The published articles are copyrighted by Journal of Health and Nursing Education.
The statements that appear in each article in this academic journal are the personal opinions of each author and are not related to the editorial team of the Journal of Health and Nursing Education or Boromarajonani College of Nursing, Nakhon Ratchasima.
Responsibility for all elements of each article belongs to the individual author. If there is any mistake each author is solely responsible for his or her own article.