ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคัดกรองและดูแลเด็กสมาธิสั้น ของครูประถมศึกษา
คำสำคัญ:
เด็กสมาธิสั้น, การรับรู้สมรรถนะแห่งตน, โปรแกรมส่งเสริม, การคัดกรอง, ครูประถมศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคัดกรองและดูแลเด็กสมาธิสั้นของครูประถมศึกษา การวิจัยใช้รูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง (One-Group Pretest-Posttest Design) โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นครูประถมศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) โปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคัดกรองและดูแลเด็กสมาธิสั้น 2) แบบประเมินการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการคัดกรองและดูแลเด็กสมาธิสั้น และ 3) แบบวัดความรู้เกี่ยวกับการคัดกรองและการดูแลเด็กสมาธิสั้น เครื่องมือวิจัยได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และแบบสอบถามการวิจัยทุกฉบับมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC = 1) ความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค เท่ากับ 0.89 และ0.90 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติวิเคราะห์ผลต่างค่าเฉลี่ย (Paired t-test) ผลการวิจัยพบว่า หลังจากการใช้โปรแกรมครูมีคะแนนการรับรู้สมรรถนะแห่งตนและคะแนนความรู้เกี่ยวกับการคัดกรองและการดูแลเด็กสมาธิสั้นสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) แสดงให้เห็นว่าโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนสามารถเพิ่มศักยภาพของครูในการคัดกรองและดูแลเด็ก
สมาธิสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำสำคัญ: เด็กสมาธิสั้น, การรับรู้สมรรถนะแห่งตน, ครูประถมศึกษา
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2558). เด็กสมาธิสั้น : คู่มือสำหรับครู. กรมสุขภาพจิต. https://th.rajanukul.go.th/preview-4816.html
กรมสุขภาพจิต. (2564). รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นไทยประจำปี 2564. กรมสุขภาพจิต.
กรมสุขภาพจิต. (2565). รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นไทยประจำปี 2565. กรมสุขภาพจิต.
กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2563). โรคสมาธิสั้นในเด็กนักเรียน: บทบาทครูและแนวทางการช่วยเหลือในโรงเรียน. วารสารสุขภาพจิตและประสาทวิทยาเด็ก, 15(2), 1-14.
จตุพร ดวงเพชรแสง. (2567). การพัฒนาการดูแลเด็กโรคสมาธิสั้นแบบบูรณาการของผู้ปกครองและครูอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 18(1), 1–12.
พีรนุช พันธุ์ภักดี. (2564). การพัฒนาระบบการดูแลเด็กสมาธิสั้นแบบบูรณาการในประเทศไทย. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย, 29(3), 187-198.
พีรนุช พันธุ์ภักดี. (2564). ปัจจัยทำนายความเสี่ยงโรคสมาธิสั้นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นตามการรับรู้ของผู้ปกครอง. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยนเรศวร. https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/5208/3/62061405.pdf
ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล, (2565). ประเมินสมาธิสั้นด้วย SNAP-IV. https://www.chonlatit.com/bs/topicDisplay.php?id=687#-IV
ชื่นจิตต์ วาณิชย์สุวรรณ. (2553). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา. (รายงานการวิจัย). https://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2010/7850?mode=full.
ธนิดา ทีปะปาล, ปภาสินี แซ่ติ๋ว, ศราวุธ เรืองสวัสดิ์, ธัญวดี นาคมิตร, และณัฏฐ์นรี คำอุไร. (2565). โรคสมาธิสั้นและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อปัญหาพฤติกรรมสมาธิสั้นในเด็กนักเรียน: การทบทวนวรรณกรรม. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ, 5(2), 28–41.
บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2565). โรคสมาธิสั้น: แนวทางการช่วยเหลือในโรงเรียน. วารสารครุพิบูล, 9(1), 12-24.
ปริญญาพร ไหมแพง. (2024). การประเมินผลลัพธ์ของโปรแกรมเสริมพลังครอบครัวเพื่อปรับพฤติกรรมเด็กสมาธิสั้นในโรงพยาบาลหล่มสัก. วารสารกุมารเวชศาสตร์, 63(4), 114–127. https://he04.tci-thaijo.org/index.php/TJP/article/view/2137
ภัทรพร ปานดี, กฤษฏิกร วังตระกูล, โกศลจิต หลวงบำรุง, พรทิพย์ จรุงศักดิ์สกุล, ณรงค์ศักดิ์ พุทธประเสริฐ, เจริญศรี ขวัญรอด, อุสา แจ้งกรณ์, สำเภาพิทย์ ลิ้มสมุทรชัยกุล, ศรัญรัชต์ หนูนาค, สุภาวดี แก้วนรา, สันติพงศ์ แก้วนรา, สันติ เพชรนุ้ย, และมโนชา รวมเพชร . (2567). ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคสมาธิสั้นในวัยรุ่นชาย ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย, 32(1), 36-48. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jmht/issue/view/17988/5183
สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต. (2558). หลักสูตรฝึกอบรมสำหรับครูโรงเรียน แกนนำเรียนร่วมประถมศึกษาในการดูแล ปรับพฤติกรรม และส่งเสริมการเรียนรู้ในเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น. https://www.thaichilddevelopment.com.
สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์. (2560). คู่มือการคัดกรองและปรับพฤติกรรมเด็กที่มีอาการสมาธิสั้นสำหรับผู้ปกครอง. สยามพิมพ์นานา. https://kb.hsri.or.th/dspace/bitstream/handle/11228/4787/hs2360.pdf?sequence=3&isAllowed=y
สมัย ศิริทองถาวร, เพ็ญกาญจน์ กาญจนรัตน์, ภิญโญ อิสรพงศ์, สุรีรักษ์ พิลา, พัชนี พัฒนกิจ, โกศล, วรรณกมล สอนสิงห์, สกนธ์ สุภากุล, กชพงศ์ สารการ และ นุจรี คำด้วง (2560). การพัฒนารูปแบบการดูแลเด็กโรคสมาธิสั้นแบบบูรณาการระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปกครอง และครูในเขตภาคเหนือ. สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต. https://wwwold.hsri.or.th/researcher/research/new-release/detail/8601
สมัย ศิริทองถาวร, ภิญโญ อิสรพงศ์, เพ็ญกาญจน์ กาญจนรัตน์, วรรณกมล สอนสิงห์, นุจรี คำด้วง, สุรีรักษ์, พิลา และพัชนี พัฒนกิจโกศล. (2560). หลักสูตรอบรมสำหรับครูโรงเรียนแกนนำร่วมประถมศึกษาในการดูแลปรับพฤติกรรมและส่งเสริมการเรียนรู้ในเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น ปีที่ 1. สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต. https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/4793?locale-attribute=th
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย. (2565). โรคสมาธิสั้นในเด็ก : รู้สู้โรค. https://youtu.be/IDm8oqkwnhs
อัญชลี ศรีสมุทร์. (2021). บทบาทของพยาบาลในการดูแลเด็กสมาธิสั้น. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 18(2), 140–147. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/250552
American Academy of Pediatrics. (2019). Clinical practice guideline for the diagnosis, evaluation, and treatment of attention-deficit/hyperactivity disorder in children and adolescents. Pediatrics, 144(4), e20192528.
American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders (5th ed.). American Psychiatric Publishing.
Bandura, A. (1997). Self-Efficacy: The Exercise of Control. W.H. Freeman and Company.
Barkley, R. A. (2015). Attention-deficit hyperactivity disorder: A handbook for diagnosis and treatment (4th ed.). Guilford Press.
Cohen, J. (1988). Statistical Power Analysis for the Behavioral Sciences (2nd ed.). Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates, Publishers.
DuPaul, G. J., & Stoner, G. (2020). ADHD in the schools: Assessment and intervention strategies (4th ed.). Guilford Press.
Moustaka, E., Panagiotopoulou, A., & Micha, M. (2024). Cognitive based interventions for attention
deficit/hyperactivity disorder (ADHD) in college students. Psychology, 15(11), Article 1098. https://doi.org/10.4236/psych.2024.1511098
Polanczyk, G., de Lima, M. S., Horta, B. L., Biederman, J., & Rohde, L. A. (2007). The worldwide prevalence of ADHD: A systematic review and metaregression analysis. American Journal of Psychiatry, 164(6), 942-948.
Sayal, K., Prasad, V., Daley, D., Ford, T., & Coghill, D. (2018). ADHD in children and young people: Prevalence, care pathways, and service provision. The Lancet Psychiatry, 5(2), 175-186
Thomas, R., Sanders, S., Doust, J., Beller, E., & Glasziou, P. (2015). Prevalence of attention- deficit/ hyperactivity disorder: A systematic review and meta-analysis. Pediatrics, 135(4), e994- 1001.
Zwi, M., Jones, H., Thorgaard, C., York, A., & Dennis, J. A. (2011). Parent training interventions for Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) in children aged 5 to 18 years: A Cochrane review. Cochrane Database of Systematic Reviews, (5), CD003018. http://doi.org/ 10.1002/14651858.CD003018.pub3
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล ซึ่งดำเนินการโดยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการวารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล หรือวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว