ประสบการณ์การรักษาโรคฝีในม้าม ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ (พ.ศ. 2547-2550)
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: ฝีในม้ามเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะพบอัตราการตาย สูง เป็นโรคซึ่งอาการไม่ชัดเจน ไม่มีอาการแสดงเฉพาะ และอาการค่อยเป็นค่อยไป โดยพบว่ามี ความแตกต่าง ตามพึ้นที่ของชนิดของ เชื้อที่เป็นสาเหตุ โรคที่พบร่วม วิธีการรักษา รวมไปถึงผลการรักษาด้วย
วัตถุประสงค์: เพี่อศึกษาถึงอาการ อาการแสดง การวินิจฉัย โรคที่พบร่วม วิธีการรักษา รวมทั้งการติดตามผลการรักษาผู้ป่วยโรคฝีในม้ามในโรงพยาบาลบุรีรัมย์
รูปแบบงานวิจัย: การศึกษาแบบย้อนหลังเชิงพรรณนา (Descriptive Retrospective study)
วิธีการศึกษา: ทบทวนแฟ้มประวัติผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคฝีในม้าม ที่รับไว้รักษาใน โรงพยาบาลบุรีรัมย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 - 30 มิถุนายน 2550 บันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับอายุ เพศ อาการ อาการแสดง โรคเดิมที่ผู้ป่วยเป็นอยู่หรือสภาวะ ที่พบร่วม เชื้อที่พบ ระยะเวลานอนโรงพยาบาล วิธีการรักษา และผลการรักษา
ผลการรักษา: มีผู้ป่วยในการศึกษาทั้งสิ้น 49 ราย เพศชาย 37 ราย (ร้อยละ 75.5) อายุเฉลี่ย 44.52 ± 13.51 ปี โรคร่วมที่พบมากที่สุด คือ ธาลัสซีเมีย 19 ราย (ร้อยละ 38.8) เบาหวาน 18 ราย (ร้อยละ 36.7) ฝีในตับ 6 ราย (ร้อยละ 12.2) อาการที่นำมา ได้แก่ ไข้สูงทุกราย (ร้อยละ 100) ปวดท้อง 23 ราย (ร้อยละ 46.9) ตรวจพบ อาการกดเจ็บช่องท้องด้านซ้ายบน 18 ราย (ร้อยละ 36.7) ม้ามโต 8 ราย (ร้อยละ 16.3) ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูงกว่า 10X109/L 28 ราย (ร้อยละ 57.1) ผลการเพาะเชื้อจากเลือดและหนองขึ้นเชื้อ เบอร์คโฮลเดอเรีย ชูโดมาลลืโอ จำนวน 9 ราย (ร้อยละ 18.4) ผู้ป่วยทุกรายได้รับการ วินิจฉัยด้วยอัลตร้าชาว์ดช่องท้อง ผู้ป่วยได้รับการรักษาทางอายุรกรรมด้วยการ ให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อเบอร์คโฮลเดอเรีย ชูโดมาลลีโอ 44 ราย (ร้อยละ 89.8) และได้รับการผ่าตัดร่วมกับการให้ยาปฏิชีวนะ 5 ราย (ร้อยละ 10.2%) ระยะเวลานอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 18.53 ± 12.19 วัน ผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย (ร้อยละ 2.1) เป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ และมีภาวะติดเชื้อในโรงพยาบาล ผู้ป่วยดีขึ้น 48 ราย (ร้อยละ 97.9)
สรุป: อัลตร้าซาวด์ช่องท้องมีความจำเป็นในการวินิจฉัยโรคฝีในม้าม ผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคฝีในม้ามถ้าพบลักษณะหลายฝี) (multiple abscess) อยู่ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งโรค เมลิออยโดซิส โดยเฉพาะที่มีโรคร่วมที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ควรได้รับยาปฏิชีวนะ (empirical antimicrobial) ที่ครอบคลุมเชื้อเบอร์คโฮลเดอเรีย ชูโดมาลลืไอ
Article Details
References
2. Chang KC, et al. Clinical characteristics and prognostic factors of splenic abscess : A review of 67 cases in a single medical center of Taiwan. World J Gastroenterol 2006;12(3):460-4.
3. Sarr MG, Zuidema GD. Splenic abscess : presentation, diagnosis, and treatment. Surgery 1982;92:480-5.
4. Chulay JD, Lankerani MR. Splenic abscess : report of 10 cases and review of the literature. Am J Med 1976;61:513-22.
5. Lin CY, Chen TC, Lu PL, Lin WR, and Chen YH. Melioidosis Presenting with solated splenic abscesses : a case report. Kaohsiung J Med Sci 2007;23:417-21.
6. Lee CH, Leu HS, Hu TH, Liu JW. Splenic abscess in southern taiwan. J Microbilo Immunol Infect 2004;37:39-44.
7. Sangchan A, Mootsikapun P, Mairiang P. Splenic abscess : clinical features, microbiologic finding, treatment and outcome. J Med Assoc Thai 2003;86:436-41.
8. Tung CC, Chen FC, Lo CJ. Splenic Abscess : An Easily Overlooked Disease?. Themerican Surgeon; Apr 2006;72,4;322-5.
9. Lee CH, Leu HS, Hu TH, et al. Splenic abscess in southern Taiwan. J Microbiol Immunol Infect 2004 ; 37 : 39-44.
10. White NJ. Melioidosis. Lancet 2003;361:1715-22.
11. Cheng AC, Currie BJ. Melioidosis : epidemiology, pathophysiology, and management. Clin Microbiol Rev. 2005;18:383-416.
12. Johnson JD, Raff MJ, Barnwell PA, et al. Splenic abscess complicating infectious endocarditis. Arch Intern Med 1983;143:906-12.
13. Wibulpolprasert B, Dhiensiri T. Visceral organ abscess in melioidosis: Sonographic finding, J Clinical Ultrasound 1999;27:29-34.
14. Thummakul T, wilde H, Tantawichien T. Melioidosis, an environmental and occupational hazard in Thailand. Mil Med 1999;164:658-62.
15. Leerarasamee A, Trakulsomboon S, Kasum M, Dejsirilert S. Isolation rates of Burkholderia pseudomallei among the four regions in Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health 1997;28:107-13.
16. Vuddhakul V, Tharavichitkul P, Na-Ngam N, et al. Epidemiology of Burkholderia pseudomallei in Thailand. Am J Trop Med Hyg 1999;60:458-60.
17. Dance DAB, Davis TME, Wattanagoon Y, et al Acute suppurative parotitis caused by Pseudomonas pseudomallei in children. J Infect Dis 1989,159:654-60.
18. Woods ML 2nd, Currie BJ, Howard DM, et al. Neurological meliodosis : seven cases from the Nothem Territory of Australia Clin Infect Dis 1992;15:163-69.
19. Ramsay SC, Labrooy J, Norton R, Webb B. Demonstration of different patterns of musculoskeletal, soft tissue and visceral involvement in melioidosis using 99 m Tc stannous colloid white cell scanning. Nucl Med Commun 2001;22:1193-99.
20. Chou YH, Tiu CM, Chiou HJ, et al. Ultrasound-guided interventional procedures in splenic abscesses. Eur J Radiol 1998;28:167-70.
21. Paris S, Weiss SM, Ayers WH, et al. Splenic abscess. Am Surg 1994;60:358-61.