ประสิทธิผลของรูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่มีการปรับตั้งขั้นสูง
Main Article Content
บทคัดย่อ
หลักการและเหตุผล: ผู้ป่วยกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน (Acute respiratory distress syndrome: ARDS) ที่ได้รับการใส่เครื่องช่วยหายใจ แพทย์จำเป็นต้องปรับตั้งเครื่องช่วยหายใจขั้นสูงซึ่งไม่ใช่รูปแบบการปรับตั้งโดยทั่วไป มีความยุ่งยากซับซ้อนในการดูแลแพทย์จำเป็นต้องให้ยากล่อมประสาทและบางรายต้องให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อร่วมด้วย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวลดลง พยาบาลต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยกลุ่มนี้
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่มีการปรับตั้งขั้นสูง และศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่มีการปรับตั้งขั้นสูงหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม โรงพยาบาลสุรินทร์
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ดำเนินการพัฒนาเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบและนำไปใช้ และระยะที่ 3 ประเมินผล เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เป็นผู้ให้บริการ 22 คน ผู้รับบริการ 65 คน ผ่านคณะกรรมการจริยธรรมโรงพยาบาลสุรินทร์ เครื่องมือที่ใช้ผ่านการหาคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกอายุรแพทย์ แบบสนทนากลุ่มพยาบาลวิชาชีพหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม แบบบันทึกการปฏิบัติตามรูปแบบ แบบทบทวนเวชระเบียน แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา สถิติวิเคราะห์ใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเปรียบเทียบใช้ Fisher Exact Test
ผลการศึกษา: 1. ได้รูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่มีการปรับตั้งขั้นสูง 8 ประเด็น ดังนี้ การบันทึกค่าปรับตั้งเครื่องช่วยหายใจ การประเมินค่าเฝ้าระวังของเครื่องช่วยหายใจ การปรับขนาดของยากล่อมประสาทและยาหย่อนกล้ามเนื้อ การประเมินระดับความตื่นตัวของผู้ป่วย การจัดท่าผู้ป่วยนอนคว่ำ การพยาบาลขณะแพทย์ขยายปอดด้วยแรงดันสูง เกณฑ์ในการรายงานแพทย์
2. ผลการใช้รูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่มีการปรับตั้งขั้นสูงพบว่า การบันทึกค่าปรับตั้งเครื่องช่วยหายใจ พยาบาลสามารถปรับระดับออกซิเจนตามเงื่อนไขที่แพทย์กำหนด ร้อยละ 100 การประเมินค่าเฝ้าระวังของเครื่องช่วยหายใจ เดิมบันทึกทุก 4 ชั่วโมง ปรับเป็นบันทึกทุก 1 ชั่วโมง ร้อยละ 100 แพทย์ปรับขนาดของยากล่อมประสาทและยาหย่อนกล้ามเนื้อโดยใช้ข้อมูลที่พยาบาลประเมินระดับความตื่นตัวของผู้ป่วยร้อยละ 100 การจัดท่าผู้ป่วยนอนคว่ำ อุบัติการณ์การได้รับบาดเจ็บของกระดูกสันหลังส่วนคอ เป็น ศูนย์ เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้รูปแบบฯ พบว่าการได้รับบาดเจ็บของกระดูกสันหลังส่วนคอ ไม่มีความสัมพันธ์กันกับรูปแบบฯ อุบัติการณ์การเกิดปอดรั่ว (pneumothorax) ขณะแพทย์ขยายปอดด้วยแรงดันสูง เป็น ศูนย์เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้รูปแบบฯ พบว่า มีความสัมพันธ์ในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มที่ได้รับการดูแลแบบเดิมมีโอกาสเกิดภาวะ pneumothorax มากกว่าการดูแลโดยใช้รูปแบบฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p < 0.05) พยาบาลรายงานแพทย์เมื่อมีข้อบ่งชี้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ร้อยละ 100 แพทย์ และพยาบาลมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
สรุป: รูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่มีการปรับตั้งขั้นสูงส่งผลให้เกิด pneumothorax ลดลง
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
Patel KB. Acute Hypoxemic Respiratory Failure (AHRF, ARDS). [Internet]. [Cited 2023 Nov 1]. Available from:URL: https://www.msdmanuals.com/professional/critical-care-medicine/respiratory-failure-and-mechanical-ventilation/acute-hypoxemic-respiratory-failure-ahrf-ards.
Thompson BT, Chambers RC, Liu KD. Acute Respiratory Distress Syndrome. N Engl J Med 2017;377(6):562-72. doi: 10.1056/NEJMra1608077.
Confalonieri M, Salton F, Fabiano F. Acute respiratory distress syndrome. Eur Respir Rev 2017;26(144):160116. doi: 10.1183/16000617.0116-2016.
Serpa Neto A, Schultz MJ. Optimizing the Settings on the Ventilator: High PEEP for All? JAMA 2017;317(14):1413-14. doi: 10.1001/jama.2017.2570.
Matthay MA, Zemans RL, Zimmerman GA, Arabi YM, Beitler JR, Mercat A, et al. Acute respiratory distress syndrome. Nat Rev Dis Primers 2019;5(1):18. doi: 10.1038/s41572-019-0069-0.
Lovisari F, Fodor GH, Peták F, Habre W, Bayat S. Effect of PEEP and I:E ratio on cerebral oxygenation in ARDS: an experimental study in anesthetized rabbit. BMC Anesthesiol 2019;19(1):110. doi: 10.1186/s12871-019-0782-y.
Uribe LM, Pravikoff D. Barotrauma, Pulmonary: Mechanical Ventilation. CINAHL Nursing Guide 2018;5:1-6.
Chiumello D, Brochard L, Marini JJ, Slutsky AS, Mancebo J, Ranieri VM, et al. Respiratory support in patients with acute respiratory distress syndrome: an expert opinion. Crit Care 2017;21(1):240. doi: 10.1186/s13054-017-1820-0.
Kemmis S, McTaggart R. The Action Research Planer. 3rd.ed. Victoria : Deakin University Press ; 1988.
Brouwers MC, Kho ME, Browman GP, Burgers JS, Cluzeau F, Feder G, et al. AGREE II: advancing guideline development, reporting and evaluation in health care. CMAJ 2010;182(18):E839-42. doi: 10.1503/cmaj.090449.
Cohen JM, Up-hoff N. Rural Development Participation: Concepts and Measures for Project Design, Implementation and Evaluation. New York : Cornell University ; 1977.
วีระพล บดีรัฐ. PDCA วงจรสู่ความสำเร็จ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : ประชาชน ; 2543.
บุญชื่น อิ่มมาก, ปทิตตา นึกเว้น, สุนิตษา คณะเจริญ, ธนิดา หอมจีน. การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการจัดท่านอนคว่ำในผู้ป่วยกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน โรงพยาบาลราชวิถี. วชิรสารการพยาบาล 2565;24(1):51-66.
ณับผลิกา กองพลพรหม, บรรณาธิการ. ARDS Management 2020. กรุงเทพฯ : เท็กซ์ แอนด์เจอร์นัล พับลิเคชั่น จํากัด ; 2563.