ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อการรับรู้พลังอำนาจและการปฏิบัติกิจกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

Main Article Content

ปภาวรินทร์ มีชนะ
กนกรัชต์ สุดลาภา
พรทิพย์ ปุกหุต
จันทร์จิรา อินจีน
สุภารัตน์ ลัทธ์ธรรม
ฐพัชร์ คันศร

บทคัดย่อ

หลักการและเหตุผล: โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจสังคมและจิตวิญญาณ เนื่องจากมีปัญหาซับซ้อนต่างจากผู้ป่วยทั่วไป ปัญหาสำคัญในการดูแลผู้ป่วยคือ การวางแผนการดูแลล่วงหน้าซึ่งต้องเตรียมความพร้อมของผู้ดูแลต่อเนื่อง ให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน รวมทั้งการปฏิบัติการพยาบาลที่มีความหลากหลายส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อการรับรู้พลังอำนาจ และการปฏิบัติกิจกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
วิธีการศึกษา: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง แบบศึกษาสองกลุ่มวัดซ้ำ 3 ระยะคือ ก่อนการทดลอง หลังการทดลองเสร็จสิ้นทันที และหลังการทดลองเสร็จสิ้น 1 เดือนจำนวน 44 รายที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ได้รับการรักษาแบบประคับประคอง
ผลการศึกษา: ผู้ดูแลผู้ป่วยกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้พลังอำนาจหลังการทดลองเสร็จสิ้นทันที (ร้อยละ95.2) และหลังการทดลองเสร็จสิ้น 1 เดือน (ร้อยละ 96.0) สูงกว่าผู้ดูแลผู้ป่วยในกลุ่มควบคุม (ร้อยละ70.2) และสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผู้ดูแลผู้ป่วยในกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้พลังอำนาจหลังการทดลองเสร็จสิ้นทันที ไม่แตกต่างจากหลังการทดลองเสร็จสิ้น 1 เดือน และผู้ดูแลผู้ป่วยในกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยในกลุ่มควบคุม และสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผู้ดูแลผู้ป่วยในกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติการดูแลหลังการทดลองเสร็จสิ้นทันทีไม่แตกต่างจากหลังการทดลองเสร็จสิ้น 1 เดือน
สรุป: การเสริมสร้างพลังอำนาจต่อการรับรู้พลังอำนาจ และการปฏิบัติกิจกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเป็นกระบวนการที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถและพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

Article Details

How to Cite
มีชนะ ป. . ., สุดลาภา ก. . ., ปุกหุต พ. . . ., อินจีน จ. . ., ลัทธ์ธรรม ส. . ., & คันศร ฐ. . . (2024). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อการรับรู้พลังอำนาจและการปฏิบัติกิจกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 39(3), 543–553. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MJSSBH/article/view/272440
บท
นิพนธ์ต้นฉบับ

References

American Cancer Society. Cancer Facts & Figures 2020. Atlanta : American Cancer Society ; 2020.

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2563. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด ; 2564.

กิติพล นาควิโรจน์. คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายและครอบครัว. กรุงเทพฯ: บริษัท บียอนด์ เอนเทอร์ไพรซ์ จำกัด ; 2559.

Gibson CH. The process of empowerment in mothers of chronically ill children. J Adv Nurs 1995;21(6):1201-10. doi: 10.1046/j.1365-2648.1995.21061201.x.

Gibson CH. A study of empowerment in mother of chronically ill children (Unpublished doctoral dissertation). USA : Boston College ; 1993.

ศิริรัตน์ คุ้มสิน. ประสิทธิผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อการรับรู้พลังอำนาจและระดับความเครียดของผู้ดูแลผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดสมอง. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต]. สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ, คณะพยาบาลศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย; ชลบุรี : มหาวิทยาลัยบูรพา ; 2556.

วารุณี มีเจริญ. ญาติผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง: การปรับตัวต่อบทบาทและการส่งเสริมคุณภาพชีวิต. Rama Nurse J 2559;20(1):10-22.

Davis LL. Building a science of caring for caregivers. Fam Community Health 1992;15(2):1-10.

Victoria Hospice Society. The Palliative Performance Scale version 2 (PPSv2) tool. J Pall Care. 2019;9(4):26-32.

Nagy-Agren S, Haley H. Management of infections in palliative care patients with advanced cancer. J Pain Symptom Manage 2002;24(1):64-70. doi: 10.1016/s0885-3924(02)00420-7.

ปฐมพร ศิรประภาศิริ, เดือนเพ็ญ ห่อรัตนาเรือง, บรรณาธิการ. คู่มือการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและระยะท้าย (สำหรับบุคลากรทางการแพทย์). นนทบุรี : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ ; 2563.

สุวคนธ์ กุรัตน์, พัชรี ภาระโข, สุวิริยา สุวรรณโคตร. การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย : มิติใหม่ที่ท้าทายบทบาทของพยาบาล. นนทบุรี : วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม สถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ; 2556.