ปัจจัยที่มีผลต่อการคลอดก่อนกำหนดของสตรีตั้งครรภ์โรงพยาบาลศรีสะเกษ

Main Article Content

พจนา กิจเจริญธนารักษ์

บทคัดย่อ

หลักการและเหตุผล: ในปี พ.ศ. 2565 - 2567 โรงพยาบาลจังหวัดศรีสะเกษพบว่าอัตราการคลอดก่อนกำหนดยังคงมีอัตราที่สูงต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการคลอดก่อนกำหนดของสตรีตั้งครรภ์ โรงพยาบาลศรีสะเกษ
วิธีการศึกษา: การศึกษาวิจัยแบบย้อนหลัง (case control study) ตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2566 สตรีตั้งครรภ์จำนวนทั้งหมด 315 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่คลอดอายุครรภ์ก่อนกำหนด จำนวน 142 รายและกลุ่มที่คลอดอายุครรภ์ครบกำหนด จำนวน 173 ราย วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์ ด้วยวิธี Univariable logistic regression, Multivariable logistic regression ในการคำนวณหา odds ratios และ 95 % confidence interval โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติ p-value <0.05
ผลการศึกษา: ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มโอกาสเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ การตั้งครรภ์แฝด 9.47 เท่า (95%CI:1.20-74.86) ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์(อินซูลิน) 49.09เท่า (95%CI: 3.76-640.13) สตรีตั้งครรภ์ที่มีประวัติคลอดก่อนกำหนด 8.46 เท่า (95%CI: 1.03-69.75) สตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะน้ำเดิน 4.66 เท่า (95%CI:2.20-9.90) ปัจจัยที่จะช่วยลดโอกาส เสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด ได้แก่ ระยะห่างระหว่างตั้งครรภ์มากกว่า 2 ปี และน้ำหนักขณะตั้งครรภ์เพิ่มตามเกณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการมีภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ร้อยละ 84 (95%CI: 0.07-0.37) และร้อยละ 57 (95%CI: 0.22-0.85) ตามลำดับ
สรุปผล: การคัดกรองความเสี่ยงประวัติการคลอดก่อนกำหนด การดูแลฝากครรภ์ความเสี่ยงสูงเบาหวาน ครรภ์แฝด การดูแลตนเองได้เหมาะสมในขณะตั้งครรภ์ให้น้ำหนักเพิ่มตามเกณฑ์ รวมทั้งการวางแผนครอบครัวที่ดี เว้นระยะห่างการตั้งครรภ์เหมาะสม การให้ความรู้กับสตรีตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดอัตราการคลอดก่อนกำหนด

Article Details

How to Cite
กิจเจริญธนารักษ์ พ. . . (2024). ปัจจัยที่มีผลต่อการคลอดก่อนกำหนดของสตรีตั้งครรภ์โรงพยาบาลศรีสะเกษ. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 39(3), 631–640. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MJSSBH/article/view/272457
บท
นิพนธ์ต้นฉบับ

References

World Health Organization. Preterm birth [Internet]. 2024 Aug 23 [cited 2024 Aug 23]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/preterm-birth.

Walani SR. Global burden of preterm birth. Int J Gynaecol Obstet. 2020;150(1):31-3. doi: 10.1002/ijgo.13195.

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งปีระเทศไทย. แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. [อินเตอร์เน็ท]. [ค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2567]. ค้นได้จาก:URL:ระเบียบราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย

กระทรวงสาธารณสุข. บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2567. ประกาศวันที่ 4 มกราคม 2567. [อินเตอร์เน็ท]. [สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2567]. ค้นได้จาก:URL: https://pubmiddleware.mims.com/resource/document/82AE6301-4B56-473D-A76E-ADA40096A174/pdf/MIMS_1_2022.

ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. Report on preterm birth statistics for Sisaket Province, fiscal years 2565-2567. [อินตอร์เน็ท]. [สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2567]. ค้นได้จาก:URL:https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source=pformated/format1.php&cat_id=1ed90bc32310b503b7ca9b32af425ae5&id=ecdbfc8b4725386c34623ce99f0f4b8d.

กัญยา ทูลธรรม, สุภาพร สุภาทวีวัฒน์. ปัจจัยที่มีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด อัตราความอัตราความถูกต้องครอบคลุมของแนวทางการดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด และอัตราความสําเร็จในการยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดของโรงพยาบาลมหาสารคาม. วารสารโรงพยาบาลหมาสารคาม 2566;20(2):75-88.

Chen P, Mu Y, Liu Z, Wang Y, Li X, Dai L, et al. Association of interpregnancy interval and risk of adverse pregnancy outcomes in women by different previous gestational ages. Chin Med J (Engl). 2024;137(1):87-96. doi: 10.1097/CM9.0000000000002801.

Kinpoon K, Chaiyarach S. The incidence and risk factors for preterm delivery in Northeast Thailand. Thai J Obstet Gynaecol. 2021;29(2):100-11.

Smith GC, Pell JP, Dobbie R. Interpregnancy interval and risk of preterm birth and neonatal death: retrospective cohort study. BMJ. 2003 Aug 9;327(7410):313. doi: 10.1136/bmj.327.7410.313.

World Health Organization. Report of a WHO technical consultation on birth spacing: Geneva, Switzerland 13–15 June 2005. Geneva: World Health Organization; 2007.

Phillips C, Velji Z, Hanly C, Metcalfe A. Risk of recurrent spontaneous preterm birth: a systematic review and meta-analysis. BMJ Open. 2017;7(6):e015402. doi: 10.1136/bmjopen-2016-015402.

Yang J, Baer RJ, Berghella V, Chambers C, Chung P, Coker T, et al. Recurrence of preterm birth and early term birth. Obstet Gynecol. 2016;128(2):364-72. doi: 10.1097/AOG.0000000000001506.

สินีนาฏ หงษ์ระนัย, พรทพย์ เรืองฤทธ์. ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกักำหนดของสตรีตั้งครรภ์โรงพยาบาลแม่สรวย จังหวัดเชียงราย. เชียงรายเวชสาร 2565;14(1):44-54.

Asvanarunat E. Outcomes of gestational weight gain outside the Institute of Medicine Guidelines. J Med Assoc Thai. 2014;97(11):1119-25. PMID: 25675675.

Malaza N, Masete M, Adam S, Dias S, Nyawo T, Pheiffer C. A systematic review to compare adverse pregnancy outcomes in women with pregestational diabetes and gestational diabetes. Int J Environ Res Public Health. 2022;19(17):10846. doi: 10.3390/ijerph191710846.

Oros Ruiz M, Perejón López D, Serna Arnaiz C, Siscart Viladegut J, Àngel Baldó J, Sol J. Maternal and fetal complications of pregestational and gestational diabetes: a descriptive, retrospective cohort study. Sci Rep. 2024;14(1):9017. doi: 10.1038/s41598-024-59465-x.

Ye W, Luo C, Huang J, Li C, Liu Z, Liu F. Gestational diabetes mellitus and adverse pregnancy outcomes: systematic review and meta-analysis. BMJ. 2022;377:e067946. doi: 10.1136/bmj-2021-067946.

Davies EL, Bell JS, Bhattacharya S. Preeclampsia and preterm delivery: A population-based case-control study. Hypertens Pregnancy. 2016;35(4):510-9. doi: 10.1080/10641955.2016.1190846.