ปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข จังหวัดบุรีรัมย์

Main Article Content

รัตนชัย รัตนโคตร

บทคัดย่อ

หลักการและเหตุผล: การปฏิบัติงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสาธารณสุข มีภารกิจคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและบริการสุขภาพ ที่ผ่านมา พบว่า การพัฒนาระบบฐานข้อมูลยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ การพัฒนาศักยภาพผู้บริโภคและผู้ประกอบการยังขาดการดึงภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วม การเฝ้าระวังและการบริหารจัดการความเสี่ยงยังมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เข้าข่ายหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น การปฏิบัติงานต้องอาศัยปัจจัยทางการบริหารเพื่อให้การดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสาธารณสุข จังหวัดบุรีรัมย์
วิธีการศึกษา: การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง กลุ่มตัวอย่าง คือ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ประกอบด้วย หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค เภสัชกรผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค สาธารณสุขอำเภอ และผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภคในสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ จำนวน 92 คน เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ.2567 ถึง พฤศจิกายน พ.ศ.2567 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 2 ชุด คือ ชุดที่ 1 แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่งแบบสอบถามผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ทุกข้อคำถามมีค่าดัชนีสอดคล้องมากกว่า 0.50 และค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม ทั้งชุดเท่ากับ 0.97 ชุดที่ 2 แบบสัมภาษณ์เชิงลึกเพื่อเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ จำนวน 12 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุเชิงเส้นแบบขั้นตอน กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติ ที่ 0.05 และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการศึกษา: (1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 48 ราย (ร้อยละ 52.2) มีอายุระหว่าง 30-40 ปี จำนวน 34 ราย (ร้อยละ 37.0) มีสถานภาพสมรส/อยู่ร่วมกัน จำนวน 59 ราย (ร้อยละ 64.1) การศึกษาปริญญาตรี จำนวน 63 ราย (ร้อยละ 68.5) ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน 40 ราย (ร้อยละ 43.5) (2) ระดับปัจจัยทางการบริหาร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=3.6, S.D.=0.4) (3) ระดับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean=3.9, S.D.=0.6) (4) ปัจจัยทางการบริหารที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ ด้านบุคลากร (r=0.456, p<0.05) ด้านงบประมาณ (r=0.245, p<0.05) ด้านวิธีการจัดการ (r=0.436, p<0.05) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (r=0.231, p<0.05) และด้านเวลา (r=0.281, p<0.05) (5) ปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ ด้านบุคลากร (β=0.296, p=0.015) และด้านวิธีการจัดการ (β=0.282, p=0.032) โดยปัจจัยทั้งสองด้าน มีผลและสามารถร่วมกันพยากรณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสาธารณสุข จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร้อยละ 27.7 (R2=0.277, F=4.589, p<0.05) (6) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า ระดับอำเภอบางพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค
สรุปผล: ปัจจัยทางการบริหาร ด้านบุคลากรและด้านวิธีการจัดการ มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสาธารณสุข จังหวัดบุรีรัมย์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
รัตนโคตร ร. (2025). ปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 40(1), 63–75. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MJSSBH/article/view/272603
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสาม พ.ศ.2566-2570. [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 5 พฤษภาคม 2567]. ค้นได้จาก:URL: https://www.ldd.go.th/App_Storage/navigation/files/23_0.pdf.

ภานุโชติ ทองยัง. แนวทางการปฏิบัติงานคุ้มครองผู้บริโภคของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี : อุษาการพิมพ์ ; 2553.

เสน่ห์ จันทร์เงิน. ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานตามนโยบายคุ้มครองผู้บริโภคของร้านยาในจังหวัดสมุทรปราการ [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. คณะสาธารณสุขศาสตร์, บัณฑิตวิทยา; ชลบุรี : มหาวิทยาลัยบูรพา ; 2545.

ประจักร บัวผัน. หลักการบริหารสาธารณสุข. พิมพ์ครั้งที่ 4. ขอนแก่น : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ; 2558.

Likert R. The Human Organization: Its Management and Value. New York : McGraw-Hill Book ; 1967.

สำเริง จันทรสุวรรณ, สุวรรณ บัวทวน. ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. ขอนแก่น : ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ; 2547.

Elifson KW, Runyon RP, Haber A. Fundamentals of social statistics. 2nd. ed. New York : McGraw-Hill ; 1990.

กัลยา วานิชย์บัญชา. การใช้ SPSS for window ในการวิเคราะห์ข้อมูล. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : คณะพาณิชยศาสตรและการบัญชี จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ; 2546.

ศศินา ศรีหานาท, สุรชัย พิมหา, ชนาพร ปิ่นสุวรรณ. ปัจจัยทางการบริหารและการบริหารเวลาที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานของทันตบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดอุดรธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2566;16(3):50-66.

นาถอนงค์ พิลาฤทธิ์, ประจักร บัวผัน. คุณลักษณะส่วนบุคคลและปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของทันตบุคลากรในโรงพยาบาลชุมชน เขตสุขภาพที่ 8. วารสารทันตาภิบาล 2566;34(2):36-49.

ดุษฎี ศรีวิชา. ปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลชุมชน ในเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ 12. [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. สาขาวิชาการบริหารสาธารณสุข, คณะสาธารณสุขศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย; ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น ; 2556.

วรรณลดา กลิ่นแก้ว. ปัจจัยทางการบริหารและกระบวนการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสาธารณสุข จังหวัดอุดรธานี [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. สาขาวิชาการบริหารสาธารณสุข, คณะสาธารณสุขศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย; ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น ; 2552.

ละไม ศิริรัมย์. ปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ของทันตแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดขอนแก่น [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. สาขาวิชาการบริหารสาธารณสุข, คณะสาธารณสุขศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย; ขอนแก่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น ; 2557.

นิกร บาลี, ชนะพล ศรีฤาชา. ปัจจัยทางการบริหารที่มีผลต่อการบริหารคลังยาและเวชภัณฑ์ของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจังหวัดหนองคาย. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ 2562;12(3):586-94.