ความสัมพันธ์ระหว่างระดับการให้บริการของหน่วยกู้ชีพกับอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจร

Main Article Content

ชายตา สุจินพรัหม

บทคัดย่อ

หลักการและเหตุผล: อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย โดยเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและการบาดเจ็บรุนแรง ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Service: EMS) มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาล โดยแบ่งเป็น หน่วยกู้ชีพระดับพื้นฐาน (First Responder: FR) และ หน่วยกู้ชีพระดับสูง (Advance Live support: ALS) อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงว่า ALS มีประสิทธิภาพในการลดอัตราการเสียชีวิตได้ดีกว่า FR หรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยที่ได้รับ ALS มักมีอาการรุนแรงกว่า
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับการให้บริการของหน่วยกู้ชีพกับอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยบาดเจ็บสมองจากอุบัติเหตุ และเปรียบเทียบข้อมูลการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ชีพแต่ละระดับ
วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็น Retrospective Cohort Study โดยใช้ข้อมูลผู้ป่วย 886 ราย ที่เข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุรินทร์ ตั้งแต่ตุลาคม พ.ศ. 2566 – กันยายน พ.ศ. 2567 ผู้ป่วยที่มีรหัสการวินิจฉัยอุบัติเหตุทางถนน (ICD-10: S0-S9) ถูกนำมาวิเคราะห์ ยกเว้นผู้เสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ และ referal cases วิเคราะห์ตัวแปรต้น (ALS/FR) กับตัวแปรควบคุม (PS score และระยะเวลานำส่ง) โดยใช้ Multivariate Logistic Regression
ผลการศึกษา: พบว่าระดับการให้บริการของหน่วยกู้ชีพมีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจร อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับ ALS สูงกว่า FR อย่างมีนัยสำคัญ (ALS 17.1% vs. FR 0.9%, p<0.001) อย่างไรก็ตาม หลังปรับค่าความรุนแรงของอาการ ค่า OR ของ ALS ลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่า ALS ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตโดยตรง แม้ ระยะเวลานำส่งเฉลี่ยของ ALS และ FR ไม่แตกต่างกัน (p=0.089) แต่ค่า SD ของ ALS กว้างมาก บ่งบอกถึงความแปรปรวนของเวลานำส่งที่อาจมีผลต่ออัตราการเสียชีวิต ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป: แม้ผู้ป่วยที่ได้รับ ALS จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า FR แต่เมื่อควบคุมปัจจัยด้านความรุนแรงแล้ว ALS มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยหนัก อย่างไรก็ตาม ควรปรับปรุงการบริหารเวลานำส่งเพื่อลด delayed effect และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ EMS

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุจินพรัหม ช. (2025). ความสัมพันธ์ระหว่างระดับการให้บริการของหน่วยกู้ชีพกับอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอุบัติเหตุจราจร. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 40(1), 217–224. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MJSSBH/article/view/273531
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

มูลนิธิไทยโรดส์ ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย. รายงานสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย 2565-2566. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ; 2567.

Sasser SM, Hunt RC, Faul M, Sugerman D, Pearson WS, Dulski T, et al. Guidelines for field triage of injured patients: recommendations of the National Expert Panel on Field Triage, 2011. MMWR Recomm Rep 2012;61(RR-1):1-20. PMID: 22237112

Liberman M, Mulder D, Sampalis J. Advanced or basic life support for trauma: meta-analysis and critical review of the literature. J Trauma 2000;49(4):584-99. doi: 10.1097/00005373-200010000-00003.

Feero S, Hedges JR, Simmons E, Irwin L. Does out-of-hospital EMS time affect trauma survival? Am J Emerg Med 1995;13(2):133-5. doi: 10.1016/0735-6757(95)90078-0.

Carr BG, Caplan JM, Pryor JP, Branas CC. A meta-analysis of prehospital care times for trauma. Prehosp Emerg Care 2006;10(2):198-206. doi: 10.1080/10903120500541324.

Davis DP, Dunford JV, Poste JC, Ochs M, Holbrook T, Fortlage D, et al. The impact of hypoxia and hyperventilation on outcome after paramedic rapid sequence intubation of severely head-injured patients. J Trauma 2004;57(1):1-8; discussion 8-10. doi:10.1097/01.ta.0000135503.71684.c8.

Bernard SA, Nguyen V, Cameron P, Masci K, Fitzgerald M, Cooper DJ, et al. Prehospital rapid sequence intubation improves functional outcome for patients with severe traumatic brain injury: a randomized controlled trial. Ann Surg 2010;252(6):959-65.

doi: 10.1097/SLA.0b013e3181efc15f.

Wang HE, Kupas DF, Hostler D, Cooney R, Yealy DM, Lave JR. Procedural experience with out-of-hospital endotracheal intubation. Crit Care Med 2005;33(8):1718-21. doi: 10.1097/01.ccm.0000171208.07895.2a.

Brown JB, Lerner EB, Sperry JL, Billiar TR, Peitzman AB, Guyette FX. Prehospital lactate improves accuracy of prehospital criteria for designating trauma activation level. J Trauma Acute Care Surg 2016;81(3):445-52. doi: 10.1097/TA.0000000000001085.