ผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้าในผู้ป่วยประคับประคอง ที่เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามเปรียบเทียบกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้าย โรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

Main Article Content

ดลยา ถมโพธิ์

บทคัดย่อ

หลักการและเหตุผล: คลินิกประคับประคองโรงพยาบาลบัวใหญ่ พบผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้ายมักถูกส่งปรึกษาเพื่อดูแลแบบประคับประคองในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ต่างจากผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามที่จะส่งปรึกษาเมื่อได้รับการวินิจฉัยแต่ต้น ทำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้ายได้รับการดูแลแบบประคับประคองช้ากว่า รวมถึงได้รับการวางแผนการดูแลล่วงหน้าที่ช้ากว่า อีกทั้งการดำเนินโรคในระยะท้ายที่มีความต่างกัน จึงได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้าว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้าต่อ 1.การทำหัตถการที่ไม่จำเป็นในระยะท้ายของชีวิต 2.สถานที่เสียชีวิต 3.จำนวนวันนอนโรงพยาบาลในช่วง 30 วันก่อนเสียชีวิต ในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้าย
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบ retrospective analytic study โดยการทบทวนเวชระเบียน ใช้แบบบันทึกข้อมูลในประเด็นที่สนใจศึกษา การศึกษาตัวอย่างจากกลุ่มผู้ป่วยประคับประคอง ที่ได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลบัวใหญ่ เสียชีวิตระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2565 – วันที่30 กันยายน พ.ศ.2566 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลาม 111 ราย และผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้าย 75 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป วิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน และสถิติเชิงอนุมาน Chi square และ t-test ทดสอบ
ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่าง 186 ราย ผ่านเกณฑ์คัดเข้า 147 ราย เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลาม 92 ราย ผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้าย 55 ราย พบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้าย มีอายุเฉลี่ยสูงกว่า (76 ± 11.9 ปี และ 69 ± 13.6 ปี p-value = 0.001) เมื่อเปรียบเทียบค่าสัดส่วนความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองของผู้ป่วยสองกลุ่ม พบว่ามีความแตกต่างกัน (p-value < 0.001) ผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้า ต่อการทำหัตถการไม่จำเป็นในระยะท้ายของชีวิต คือการใส่ท่อช่วยหายใจ (ร้อยละ 1.1 และ 7.3 p-value = 0.169) การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (ร้อยละ 1.1 และ 5.5 p- value = 0.115) สถานที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เสียชีวิตที่บ้าน (ร้อยละ 92.4 และ 81.8 p-value = 0.057) จำนวนวันนอนโรงพยาบาลในช่วง 30 วันก่อนเสียชีวิต (เฉลี่ย 4.0 ± 5.0 วัน และ 5.0 ± 7.5 วัน p- value = 0.325) พบว่าทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ
สรุป: ผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้า ต่อการทำหัตถการไม่จำเป็นในระยะท้ายของชีวิต สถานที่เสียชีวิต และจำนวนวันนอนโรงพยาบาลในช่วง 30 วันก่อนเสียชีวิต ของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่ต่างกัน เมื่อได้รับการวางแผนการดูแลล่วงหน้า ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่ม ได้รับการดูแลในระยะท้ายตรงตามประสงค์ที่บันทึกไว้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ถมโพธิ์ ด. (2025). ผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้าในผู้ป่วยประคับประคอง ที่เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามเปรียบเทียบกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังระยะท้าย โรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 40(1), 25–34. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MJSSBH/article/view/274460
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

ศรีเวียง ไพโรจน์กุล. Module 9 Goal Setting & Advance Care Planning. ใน: ศรีเวียง ไพโรจน์กุล, นภา หลิมรัตน์, บรรณาธิการ. Training of the Trainers in Palliative Care. พิมพ์ครั้งที่ 1. ขอนแก่น : คลังนานาวิทยา ; 2560 : 6-48.

ภัสสร โรจน์เพ็ญเพียร. การวางแผนดูแลรักษาตัวเองล่วงหน้าในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบ ประคับประคอง. ศรีนครินทร์เวชสาร 2564; 36(6):755-760.

คลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service Plan สาขา Intermediate & Palliative Care. [อินเทอร์เน็ต]. 2566. [สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2567]. ค้นได้จาก:URL: https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/page.php?cat_id=b08560518ca0ebcaf2016dab69fb38b5.

ณัฐธิดา สังสิทธยากร, ทชา พิทยาพิบูลย์พงศ์, ภรเอก มนัสวานิช. การศึกษาเปรียบเทียบลักษณะและระยะเวลาการมีชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยที่ไม่ใช่มะเร็งที่ได้รับการส่งปรึกษาเพื่อการดูแลแบบประคับประคอง. วารสารระบบบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว 2564;4(3):107-18.

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข. Standard Coding Guidelines Version Edition 2017. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : แสงจันทร์การพิมพ์ ; 2560.

ประไพ บุญมรกต, โสเพ็ญ ชูนวล. ผลการวางแผนดูแลล่วงหน้าอย่างเป็นระบบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองต่อการตัดสินใจเลือกปฏิเสธการรักษาเพื่อการยื้อชีวิตในช่วงสุดท้าย. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยการสาธารณสุขภาคใต้ 2565;9(1):270-82.

รุ่งมณี พุกไพจิตร์, สุธี อยู่สถาพร, ฉัตรสุมน พฤฒิภิญโญ, นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์. การตัดสินใจใช้สิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตผู้ป่วยทหารผ่านศึก.วารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข 2561;4(1):1-14.

สุนีย์ ณีศะนันท์. การรักษาที่ไม่เกิดประโยชน์ในผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่อยู่ในโรงพยาบาล. สวรรค์ประชารักษ์เวชสาร 2562;16(1):1-10.

ภมรรัตน์ ศรีธาราธิคุณ. ผลของการวางแผนการดูแลล่วงหน้าต่อการดูแลในวาระสุดท้ายของชีวิตในคลินิกการดูแลประคับประคอง โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก. วารสารระบบบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว. 2564;4(1): 97-111.

ธนพล ทรงธรรมวัฒน์. ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาวันนอนโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลหัวหิน. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2566;32(1):120-31.

Lunney JR, Lynn J, Foley DJ, Lipson S, Guralnik JM. Patterns of functional decline at the end of life. JAMA 2003;289(18):2387-92. doi: 10.1001/jama.289.18.2387.