จริยธรรมในการตีพิมพ์ (Publication Ethics)

         บทความต้องเป็นบทความที่ไม่เคยพิมพ์ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อพิมพ์ที่ใด             ในกรณีที่เรื่องนั้นเคยพิมพ์ในรูปบทคัดย่อ หรือวิทยานิพนธ์ หรือเคยนำเสนอในที่ประชุมวิชาการใด ๆ จะต้องแจ้งให้กองบรรณาธิการทราบ และต้องอ้างอิงหากมีการนำผลงานของผู้อื่นมาใช้ สำหรับเรื่องที่ทำการศึกษาในคน จะต้องมีหนังสืออนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมการศึกษาวิจัยในมนุษย์แนบมาด้วย และบทความจะได้รับการกลั่นกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ อย่างน้อย 2 ท่านต่อบทความ โดยใช้รูปแบบ double-blinded ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้นิพนธ์ไม่ทราบชื่อกันและกัน

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้นิพนธ์

1.  ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบ “การเตรียมบทความ” ของวารสารที่กำหนดไว้ใน
     คำชี้แจงการส่งบทความ

2.  ผู้นิพนธ์ต้องส่งเอกสารตามข้อกำหนดของวารสารให้ครบถ้วนพร้อมบทความต้นฉบับ

3.  ผู้นิพนธ์ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหรือการทำวิจัยโดยไม่บิดเบือนข้อมูล

4.  ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่า ผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน

5.  ผู้นิพนธ์จะต้องมีหนังสืออนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมการศึกษาวิจัยในมนุษย์แนบมาด้วย กรณีที่
     ทำการศึกษาในคน

6.  ผู้นิพนธ์ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น หากมีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ โดยเขียนอ้างอิงตามรูปแบบที่วารสาร
     กำหนด ผู้นิพนธ์จะต้องมีการตรวจสอบการลอกเลียนวรรณกรรม ระบุชื่อโปรแกรมที่ใช้และผลการตรวจส่ง
     มาพร้อมกับบทความต้นฉบับ*

7.  ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทคัดย่อภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ให้ถูกต้อง กระชับ และได้ประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ
     ของบทความที่จะนำเสนอ

8.  ผู้นิพนธ์ต้องแก้ไขบทความตามข้อเสนอแนะของกองบรรณาธิการและผู้ประเมินบทความ กรณีที่มีเหตุให้
     ไม่สามารถแก้ไขได้ต้องเขียนคำชี้แจงและเหตุผลส่งมาพร้อมบทความที่แก้ไขแล้ว

9.    ผู้นิพนธ์ต้องต้องส่งบทความที่แก้ไขแล้วกลับภายในระยะเวลาที่กำหนด

10.  ผู้นิพนธ์ต้องไม่เพิ่มหรือลด รายชื่อผู้นิพนธ์/ผู้ร่วมนิพนธ์ เปลี่ยนแปลงชื่อเรื่อง เนื้อหาบทความ รวมทั้งถอน
        บทความออกภายหลังที่มีการเผยแพร่แล้ว 

* ข้อกำหนดของวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ อยู่ที่ไม่เกิน 20%

                                                                                                                                                                                                                                                                                        Version 1/2568 (ปรับล่าสุด 14 พ.ค. 2568)

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ

1.  ผู้ประเมินบทความควรประเมินบทความในสาขาวิชา ที่ตนมีความถนัดและเชี่ยวชาญ

2.  ผู้ประเมินบทความต้องประเมินบทความตามหลักวิชาการของบทความนั้น ๆ โดยไม่ควรใช้ความคิดเห็น
     ส่วนตัวหรือประสบการณ์ที่ไม่อิงตามหลักวิชาการ

3.  ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความแก่บุคคลอื่น

4.  ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบ หากพบว่า บทความนั้นมีความเหมือนหรือซ้ำซ้อนกับ
     บทความอื่น ๆ

5.  ผู้ประเมินบทความต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์

6.  ผู้ประเมินบทความต้องไม่นำบทความที่ประเมินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ส่วนตน

7.  ผู้ประเมินบทความต้องส่งบทความที่ผ่านการพิจารณาแล้ว กลับกองบรรณาธิการภายในระยะเวลาการ
     ประเมินบทความที่กำหนด กรณีที่มีเหตุให้ไม่สามารถส่งได้ตามกำหนดเวลาต้องแจ้งกลับให้บรรณาธิการ
     ทราบตามระยะเวลาที่กำหนดในขั้นตอนการพิจารณาคุณภาพบทความ

                                                                                                Version 1/2568 (ปรับล่าสุด 14 พ.ค. 2568)

บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการ

1.  บรรณาธิการต้องให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์แก่ผู้นิพนธ์ที่ส่งบทความเพื่อขอตีพิมพ์

2.  บรรณาธิการต้องพิจารณาบทความที่ส่งมาขอตีพิมพ์จากบทความที่มีผลการพัฒนางานด้านวิชาการ และ
     เป็นบทความที่มีความชัดเจน เชื่อถือได้ ตลอดจนมีความหลากหลายในด้านวิชาการที่สอดคล้องกับ
     วัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสาร

3.  บรรณาธิการต้องกำกับและตรวจสอบให้ผู้นิพนธ์มีการส่งเอกสารตามข้อกำหนดให้ครบถ้วนก่อนเข้าสู่
     กระบวนการพิจารณาบทความ

4.  บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานของผู้อื่น

5.  บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ และผู้ประเมิน

6.  บรรณาธิการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้นิพนธ์ และผู้ประเมินบทความระหว่างกัน รวมทั้งกับบุคคลอื่น ๆ

7.  บรรณาธิการต้องปฏิบัติ รวมทั้งกำกับให้ผู้นิพนธ์ ผู้ประเมินบทความ ปฏิบัติตามนโยบายทางจริยธรรมและ
     จรรยาบรรณที่ประกาศในเว็บไซต์อย่างเคร่งครัด    

8.  บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบและไม่รับบทความที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาแล้วเข้าสู่กระบวนการจัดการ
     วารสาร

9.  บรรณาธิการต้องเผยแพร่บทความ ที่ผ่านการประเมินบทความจากผู้เชี่ยวชาญที่ตรงตามบทความนั้น ๆ
     รวมทั้งผู้นิพนธ์ได้มีการแก้ไขตามที่ผู้เชี่ยวชาญ และ/หรือกองบรรณาธิการให้ข้อเสนอแนะแล้ว หรือมีคำ
     ชี้แจงกรณีมีเหตุให้ไม่สามารถแก้ไขได้

10.  บรรณาธิการวารสารต้องพิจารณาคุณภาพของบทความ เพื่อตีพิมพ์ให้ออกมาตามมาตรฐาน รวมทั้งจะออก
     หนังสือรับรองการตีพิมพ์ได้เมื่อผ่านขั้นตอนการพิจารณาบทความแล้วเท่านั้น

11. บรรณาธิการต้องจัดให้มีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องในการเผยแพร่บทความบนเว็บไซต์กับเมทาดาตา

12.  บรรณาธิการต้องให้ความสำคัญกับประเด็นที่มีผู้ร้องเรียนหรือตรวจพบบทความที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อกับการผิด
       จริยธรรมและจรรยาบรรณ

13.  บรรณาธิการต้องไม่ยินยอมให้ผู้นิพนธ์ถอนบทความออก รวมทั้งเพิ่มหรือลด รายชื่อผู้นิพนธ์/ผู้ร่วมนิพนธ์
        เปลี่ยนแปลงชื่อเรื่อง เนื้อหาบทความภายหลังที่มีการเผยแพร่แล้ว

14.   บรรณาธิการต้องตรวจสอบข้อมูลของวารสารสม่ำเสมอเพื่อปกป้องผู้นิพนธ์ วารสาร งานวิชาการไม่ให้
        เกิดผลกระทบในทางที่เสียหาย

15.   บรรณาธิการต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงวารสารให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ ตลอดจนพยายามยกระดับวารสาร
        ให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                                                                                                   Version 1/2568 (ปรับล่าสุด 14 พ.ค. 2568)

หมายเหตุ เพื่อให้ระบบการจัดการวารสารมีประสิทธิภาพ โปร่งใส กองบรรณาธิการวารสารได้เพิ่มเติมบทบาทและหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ตามข้อเสนอแนะจากการประชุมวิชาการเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพวารสารวิชาการไทย ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568