ข้อมูลสำหรับผู้แต่ง
หลักเกณฑ์ทั่วไปและเงื่อนไข.
การส่งบทความ ให้ส่ง file ผ่านระบบจัดการวารสารของ ThaiJO (สามารถเข้าดูขั้นตอนการส่งบทความเพื่อขอตีพิมพ์ได้ที่ www.ckphosp.go.th หรือ www.tci-thaijo.org/index.php/JCP/index) วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์รับบทความที่ส่งตีพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่กรณี ถ้าเป็นบทความภาษาอังกฤษจะต้องมีบทคัดย่อที่เป็นภาษาไทยควบคู่ รวมทั้งแนบใบรับรองการตรวจสอบความถูกต้องในการใช้ภาษาตามหลักไวยากรณ์ของบทความโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษามาด้วย
การเตรียมบทความ
การพิมพ์ต้นฉบับ ใช้ file Word และตั้งค่าหน้ากระดาษเป็น A4 โดยใช้ตัวอักษรชนิด Angsana New ขนาด 16 เว้นระยะห่างจากขอบกระดาษ 1 นิ้วทุกด้าน และใส่เลขหน้ากำกับทุกหน้า มุมขวาบน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสื่อสารเมื่อต้องมีการแก้ไขต้นฉบับ โดยขอบด้านหลังไม่ต้องดึงแต่ละบรรทัดให้ตรงกัน
ชนิดของบทความ
1. บทความวิจัย (Research article) ประกอบด้วย
1.1 ชื่อเรื่อง เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยแต่ละภาษาประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
1) ชื่อเรื่อง สั้น กะทัดรัด ถ้าใช้คำย่อต้องมีคำเต็มด้วย ครอบคลุมสาระสำคัญของบทความทั้งหมด และชื่อเรื่องภาษาอังกฤษใช้ตัวใหญ่เฉพาะคำแรกและชื่อเฉพาะ เช่น สถาบัน
2) ชื่อผู้นิพนธ์และผู้ร่วมนิพนธ์ เขียนชื่อ-สกุล (ผู้นิพนธ์ร่วมระหว่างชื่อให้เคาะ 1 ครั้ง) วุฒิการศึกษาแบบย่อ ระบุสาขา (ถ้ามี) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในบรรทัดถัดไปใส่สังกัดสถานที่ทำงาน โดยใส่หมายเลข (ตัวยก) ไว้หลังชื่อ-สกุล และหน้าสังกัดสถานที่ทำงาน ตามลำดับ
3) ชื่อผู้ประสานงานหรือ Corresponding author ให้ใส่เครื่องหมาย* ท้ายชื่อ (หลังตัวยกลำดับเลข) และ มาใส่ข้อมูลบรรทัดต่อจากสถานที่ทำงานว่า * Corresponding author, e-mail :
1.2 บทคัดย่อ ต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยภาษาไทยขึ้นก่อน เนื้อหาต้องมีความสมบูรณ์ในตัวเองโดยเขียนให้ได้ใจความ มีความยาวไม่เกิน 400 คำประกอบด้วย วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการวิจัยผลการวิจัย สรุป และคำสำคัญ (3-5 คำ) โดยหัวข้อทำตัวหนา แต่เนื้อหาไม่ต้องทำตัวหนา
1.3 เนื้อเรื่อง หัวข้อหลักควรประกอบด้วย
- บทนำ กล่าวถึงความสำคัญขอปัญหาที่นำมาศึกษา รวมทั้งบอกวัตถุประสงค์ในการวิจัย
- วิธีดำเนินการวิจัย บอกรูปแบบการวิจัยกลุ่มตัวอย่างและขนาด แสดงวิธีคำนวณกลุ่มตัวอย่างแบบสั้น ๆ เกณฑ์การคัดเข้าและคัดออก บอกรายละเอียดของการดำเนินการวิจัย รวมทั้งบอกรายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ
- ผลการวิจัย นำเสนอให้เข้าใจง่าย โดยใช้ตางรางแผนภูมิหรือรูปภาพประกอบ และชื่อกำกับมีคำอธิบายโดยสรุป โดยตารางให้มีเฉพาะเส้นแนวขวาง 3 เส้น ที่ด้านบนสุด ด้านล่างสุด และเส้นแบ่งหัวข้อตารางกับเนื้อหาเท่านั้น รูปภาพควรเป็นรูปที่จัดทำขึ้นเอง ถ้าเป็นรูปจากแหล่งอื่น จะต้องระบุที่มา รวมทั้งเอกสารลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ต้นฉบับด้วย(ความละเอียดของรูปภาพต้องไม่น้อยกว่า 300 dpi) สำหรับรูปภาพของผู้ป่วยต้องไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด และอาจต้องมีคำยินยอมจากผู้ป่วยด้วย
- อภิปรายผล ให้วิจารณ์ผลงานวิจัยที่นำเสนอ สรุปผลการวิจัยทั้งหมดสั้น ๆ เปรียบเทียบผลการวิจัยกับการศึกษาอื่น ๆให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิจัย วิจารณ์วิธีการดำเนินการวิจัย ความน่าเชื่อถือทางสถิติ ข้อจำกัดการวิจัย รวมทั้งประโยชน์ที่จะนำไปใช้ การวิจัยที่ควรพัฒนาต่อไปในอนาคต
- กิตติกรรมประกาศ แสดงความขอบคุณ ผู้สนับสนุน การวิจัย และผู้ให้คำแนะนำด้านต่าง ๆโดยมีเนื้อหาไม่เกิน 5 บรรทัด
- เอกสารอ้างอิง ให้ใส่หมายเลข 1,2, ...ไว้ท้ายประโยคที่พิมพ์ตัวพิมพ์ยกสูงโดยไม่ต้องใส่วงเล็บ เอกสารที่อ้างอิงเป็นอันดับแรกให้จัดเป็นหมายเลขหนึ่ง และเรียงลำดับอันดับก่อนหลังต่อ ๆ ไป ถ้าอ้างอิงหลายเอกสารในเนื้อหาเดียวกัน(3 เล่มขึ้นไป)ให้เขียนเครื่องหมาย - เช่น 3-5 และไม่ควรใช้เอกสารที่เก่าเกิน 10 ปี ยกเว้นกรณีที่เป็นเอกสารที่เป็นทฤษฎีหรือตำราบางประเภท รูปแบบการเขียนใช้ตามVancouver guideline เป็นหลัก ซึ่งกำหนดโดย International Committee of Medical Journal Editors ดังนี้
1) ชื่อผู้เขียน
ในบทความ ชื่อภาษาอังกฤษ ชื่อสกุล ตามด้วยอักษรตัวแรกของชื่อต้นและชื่อกลางด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ ชื่อภาษาไทย ให้เขียนชื่อเต็มทั้งชื่อตัวและชื่อสกุล
- ถ้ามี 2 คน เขียนทั้ง 2คน ใช้เครื่องหมายจุลภาคระหว่างชื่อ
- ถ้ามีมากกว่า 2 คน ให้เขียนชื่อเดียวแล้วตามด้วย , et al (ชื่อภาษาอังกฤษ) หรือ , และคณะ (ชื่อภาษาไทย)
ท้ายบทความ ชื่อภาษาอังกฤษ ให้ใช้ชื่อสกุลตามด้วยอักษรแรกของชื่อต้นและชื่อกลางเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ชื่อภาษาไทย ให้เขียนชื่อเต็มทั้งชื่อตัวและชื่อสกุล ใส่ชื่อผู้เขียนทุกคนคั่นด้วย เครื่องหมายจุลภาค ถ้าเกิน 6 ใส่ชื่อ 6 คนแรก ตามด้วย , et al. (ชื่อภาษาอังกฤษ) หรือ , และคณะ. (ชื่อภาษาไทย)
กรณีเอกสารที่ใช้อ้างอิงต้นฉบับเป็นภาษาไทย แต่ถ้าผู้นิพนธ์จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ใช้รูปแบบการเขียนแบบอ้างอิงภาษาอังกฤษ และให้วงเล็บท้ายเอกสารว่า (in Thai)
2) อ้างอิงวารสาร
ให้ใส่ ชื่อผู้เขียน. ชื่อบทความ(ใช้อักษรตัวใหญ่ตัวแรก และคำเฉพาะเท่านั้น เช่น ชื่อคน ชื่อสถาบัน ชื่อองค์กร). ชื่อย่อวารสารตามที่กำหนดใน index medicus (ถ้าไม่มีใน index medicus หรือเขียนเป็นภาษาไทยให้ใช้ชื่อเต็ม) ปี ค.ศ. หรือ พ.ศ.; ปีที่ หรือ volume (ฉบับที่พิมพ์หรือ issue): หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย. (โดยเลขหน้าที่ซ้ำกันไม่ต้องเขียน เช่น152 ถึงหน้า 158 ให้เขียน 152-8.)
กรณีเป็นบทความวารสารบนอินเทอร์เน็ต
ให้ใส่ ชื่อผู้เขียน. ชื่อบทความ(ใช้อักษรตัวใหญ่ตัวแรก และคำเฉพาะเท่านั้น เช่น ชื่อคน ชื่อสถาบัน ชื่อองค์กร). ชื่อย่อวารสารตามที่กำหนดใน index medicus (ถ้าไม่มีใน index medicus หรือเขียนเป็นภาษาไทยให้ใช้ชื่อเต็ม) [อินเตอร์เน็ต/Internet] ปี ค.ศ. หรือ พ.ศ.ที่พิมพ์[เข้าถึงเมื่อ วัน เดือน(ย่อ) ปี]; ปีที่ หรือ volume (ฉบับที่พิมพ์หรือ issue): หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย. (โดยเลขหน้าที่ซ้ำกันไม่ต้องเขียน เช่น152 ถึงหน้า 158 ให้เขียน 152-8.) เข้าถึงได้จาก/Available from: http://
3) อ้างอิงหนังสือตำรา/ทั้งเล่ม
ให้เขียนชื่อผู้เขียน. ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์ (ถ้าพิมพ์ครั้งแรกไม่ต้องเขียน). ชื่อเมือง: ชื่อโรงพิมพ์; ปีพิมพ์. (ค.ศ. หรือ พ.ศ.)
กรณีเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
ให้เขียนชื่อผู้เขียน. ชื่อหนังสือ [อินเทอร์เน็ต]. ครั้งที่พิมพ์ (ถ้าพิมพ์ครั้งแรกไม่ต้องเขียน). ชื่อเมือง: ชื่อโรงพิมพ์; ปีพิมพ์ ค.ศ. หรือ พ.ศ. [เข้าถึงเมื่อ/cited วัน เดือน(ย่อ) ปี] เข้าถึงได้จาก/Available from: http://
4) อ้างอิงบทหนึ่งในหนังสือ/ตำรา
ให้เขียน ชื่อผู้เขียน. ชื่อเรื่อง. ใน/In: ชื่อบรรณาธิการ, บรรณาธิการ/editor (s). ชื่อหนังสือ. ครั้งที่พิมพ์(ถ้าพิมพ์ครั้งแรกไม่ต้องเขียน). ชื่อเมือง: ชื่อโรงพิมพ์; ปีพิมพ์. (พ.ศ. หรือค.ศ.) p./หน้า หน้าแรก-หน้าสุดท้าย.
กรณีเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
ให้เขียนชื่อผู้เขียนบท. ชื่อบท. ใน/In: ชื่อบรรณาธิการ, บรรณาธิการ/editor(s). ชื่อหนังสือ [อินเทอร์เน็ต/ Internet]. ครั้งที่พิมพ์ (ถ้าพิมพ์ครั้งแรกไม่ต้องเขียน). ชื่อเมือง: ชื่อโรงพิมพ์; ปีพิมพ์ ค.ศ. หรือ พ.ศ. [เข้าถึงเมื่อ/cited วัน เดือน(ย่อ) ปี] เข้าถึงได้จาก/Available from: http://
5) อ้างอิงหนังสือประกอบการประชุม/รายงานการประชุม
ให้เขียน ชื่อบรรณาธิการ,บรรณาธิการ. ชื่อเรื่อง. ชื่อการประชุม; สถานที่จัดประชุม; เมืองที่พิมพ์: สำนักพิมพ์; ปีที่พิมพ์.
6) การอ้างอิงบทคัดย่อจากที่ประชุมวิชาการ (published proceedings paper) บทความที่นำเสนอในการประชุมหรือสรุปการประชุม
ให้เขียน ชื่อผู้เขียน. ชื่อเรื่อง. ใน/In: ชื่อบรรณาธิการ, บรรณาธิการ/editor. ชื่อการประชุม; วันเดือนปีที่ประชุม; สถานที่จัดประชุม. เมืองที่พิมพ์; ปีพิมพ์. หน้า/p. หน้าแรก - หน้าสุดท้าย.
7) การอ้างอิงรายงานทางวิชาการหรือรายงานทางวิทยาศาสตร์เอกสารที่จัดพิมพ์โดยเจ้าของทุน (issued by funding)
ให้เขียน ชื่อผู้เขียน. ชื่อเรื่อง. เมืองที่พิมพ์: หน่วยงาน ที่พิมพ์/แหล่งทุน; ปีที่พิมพ์. เลขที่รายงาน.
8) การอ้างอิงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
ให้เขียนชื่อผู้แต่ง. ชื่อบทความ[ประเภทสื่อ]. ปีพิมพ์[เข้าถึงเมื่อ วันที่ เดือน(ย่อ) ปี /cited ปี เดือน (ย่อ) วัน]. เข้าถึงได้จาก/Available from: http://............
9) การอ้างอิงวิทยานิพนธ์
ให้เขียนชื่อผู้นิพนธ์. ชื่อเรื่อง [ประเภท/ระดับปริญญา]. เมือง: มหาวิทยาลัย; ปีที่ได้รับปริญญา.
10) การอ้างอิงบทความที่มีการเผยแพร่ทางอิเล็กทรอนิกส์ก่อนออกฉบับพิมพ์
ให้ใส่ ชื่อผู้เขียน. ชื่อเรื่อง (ใช้อักษรตัวใหญ่ตัวแรก และคำเฉพาะเท่านั้น เช่น ชื่อคน ชื่อสถาบัน ชื่อองค์กร). ชื่อย่อวารสารตามที่กำหนดใน index medicus (ถ้าไม่มีใน index medicus หรือเขียนเป็นภาษาไทยให้ใช้ชื่อเต็ม) วันที่ เดือน(ย่อ) ปี. [สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์]
2. บทความวิชาการ (Academic article) ประกอบด้วย
2.1 ชื่อเรื่อง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
2.2 บทคัดย่อ ต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยภาษาไทยขึ้นก่อน เนื้อหาต้องมีความสมบูรณ์ในตัวเอง โดยเขียนให้ได้ใจความ มีความยาวไม่เกิน 400 คำ ประกอบด้วย บทนำ วัตถุประสงค์ สรุป และคำสำคัญ (3 - 5 คำ) โดยหัวข้อทำตัวหนา แต่เนื้อหาไม่ต้องทำตัวหนา
2.3 เนื้อเรื่อง หัวข้อหลักควรประกอบด้วย บทนำ เนื้อหา บทสรุป และเอกสารอ้างอิง
- กรณีถ้ามีตารางหรือรูปภาพ เช่นเดียวกับบทความวิจัย
- เอกสารอ้างอิง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
3. บทความฟื้นฟูวิชาการ (Review article) ประกอบด้วย
3.1 ชื่อเรื่อง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
3.2 บทคัดย่อ ต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยภาษาไทยขึ้นก่อน เนื้อหาต้องมีความสมบูรณ์ในตัวเองโดยเขียนให้ได้ใจความ มีความยาวไม่เกิน 400 คำประกอบด้วย วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการศึกษา ผลการศึกษา สรุป และคำสำคัญ (3-5 คำ) โดยหัวข้อทำตัวหนา แต่เนื้อหาไม่ต้องทำตัวหนา
3.3 เนื้อเรื่อง หัวข้อหลักควรประกอบด้วย บทนำ เนื้อหา บทสรุป และเอกสารอ้างอิง
- กรณีถ้ามีตารางหรือรูปภาพ เช่นเดียวกับบทความวิจัย
- เอกสารอ้างอิง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
4. รายงานผู้ป่วย (Case report) ประกอบด้วย
4.1 ชื่อเรื่อง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
4.2 บทคัดย่อ ต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยภาษาไทยขึ้นก่อน มีความยาวไม่เกิน 300 คำ ประกอบด้วย บทสรุปของผลการรายงาน (มีความสมบูรณ์และได้ใจความตามสิ่งที่ต้องการนำเสนอ)
และคำสำคัญ (3-5 คำ) โดยหัวข้อทำตัวหนา แต่เนื้อหาไม่ต้องทำตัวหนา
4.3 เนื้อเรื่อง หัวข้อหลักควรประกอบด้วย บทนำ รายงานผู้ป่วย วิจารณ์ สรุป และเอกสารอ้างอิง
- กรณีถ้ามีตารางหรือรูปภาพ เช่นเดียวกับบทความวิจัย
- เอกสารอ้างอิง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
5. บทความปกิณกะ (Miscellany article)
5.1 ชื่อเรื่อง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
5.2 เนื้อเรื่อง มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชื่อบทความที่นำเสนอ กรณีถ้ามีตารางหรือรูปภาพหรือเอกสารอ้างอิง เช่นเดียวกับบทความวิจัย
หมายเหตุ การเตรียมต้นฉบับข้างต้นเป็นรูปแบบตามที่กำหนดของวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
การแก้ไขบทความเพื่อส่งตีพิมพ์
1. ผู้นิพนธ์ส่งกลับให้กองบรรณาธิการภายในระยะเวลาที่กองบรรณาธิการกำหนด กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการให้แจ้งกองบรรณาธิการพร้อมเหตุผล
2. ผู้นิพนธ์แก้ไขและอธิบายข้อสงสัยตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิและ/หรือกองบรรณาธิการให้ข้อเสนอแนะให้ครบทุกประเด็น และระบุว่าได้แก้ไขประเด็นใดบ้าง รวมทั้งอธิบายประเด็นที่ไม่ได้แก้ไขเพราะเหตุใด
การถอดถอนบทความจากการตีพิมพ์ กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการถอนบทความ ดังนี้
1. ผู้นิพนธ์ ไม่แก้ไขบทความตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและ/หรือกองบรรณาธิการโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม
2. ผู้นิพนธ์ไม่ส่งบทความที่แก้ไขตามระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่แจ้งกองบรรณาธิการหรือไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม
3. ผู้นิพนธ์มีการละเมิดเกณฑ์ข้อกำหนดตามที่ยืนยันและรับทราบในแบบฟอร์มส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
หมายเหตุ กองบรรณาธิการจะแจ้งผู้นิพนธ์รับทราบและกำหนดระยะเวลาก่อนการดำเนินการถอดถอนบทความ
การพิจารณารับหรือปฏิเสธบทความ จะทราบผลได้ในแต่ละขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
1. พิจารณาจากบทความว่า อยู่ในขอบเขตของวารสารหรือไม่ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่ผู้นิพนธ์ส่งบทความต้นฉบับเข้ามาที่ระบบ ThaiJO พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2. การพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (reviewer) ทั้ง 2 ท่าน (กรณีที่มีความคิดเห็นต่างกันจะต้องผ่านการพิจารณาท่านที่ 3) (ขั้นตอนนี้ยังไม่ได้เข้ากระบวนการแก้ไขบทความของผู้นิพนธ์)
3. การพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (reviewer) หรือบรรณาธิการ หลังผู้นิพนธ์ได้มีการแก้ไขบทความแล้ว
การออกหนังสือตอบรับการตีพิมพ์
การออกหนังสือตอบรับการตีพิมพ์จะออกให้เมื่อบทความผ่านกระบวนการแก้ไขแล้วเสร็จตามข้อเสนอแนะของผู้ประเมินบทความและกองบรรณาธิการครบถ้วนแล้วเท่านั้น (อาจมีการแก้ไขส่งไปกลับได้หลายครั้ง)
หมายเหตุ กรณีที่ท่านต้องการหนังสือตอบรับการตีพิมพ์ ขอให้ท่านแจ้ง กองบรรณาธิการฯ ทราบพร้อมแจ้งที่อยู่ในการจัดส่งภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการข้างต้นแล้ว
ระยะเวลาดำเนินการของบทความ
เริ่มตั้งแต่ผู้นิพนธ์ส่งบทความต้นฉบับเข้ามาในระบบ ThaiJO จนผ่านกระบวนการพิจารณาคุณภาพบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิภายหลังผู้นิพนธ์แก้ไขตามข้อเสนอแนะแล้ว ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
การนำบทความตีพิมพ์เผยแพร่
วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์จะตีพิมพ์เผยแพร่บทความเรียงตามลำดับที่ผู้นิพนธ์ ส่งบทความต้นฉบับเข้ามาก่อนหลัง และ/หรือเป็นประเภทบทความที่ไม่มีในเล่มที่เผยแพร่นั้นๆ แต่กรณีถ้าผู้นิพนธ์ไม่ดำเนินการแก้ไข/ปรับบทความ (บทความต้นฉบับและบทความที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาคุณภาพของผู้ทรงคุณวุฒิ) ส่งกลับมาภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่มีการแจ้งหรือไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม กองบรรณาธิการจะพิจารณานำบทความที่ดำเนินการเป็นไปตามนโยบายและข้อกำหนดของวารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนแล้วเสร็จขึ้นตีพิมพ์เผยแพร่ก่อน ทั้งนี้จะพิจารณาระยะเวลาในการดำเนินการของวารสารแต่ละเล่มเพื่อให้ออกตีพิมพ์เผยแพร่ตามกำหนดเวลาเป็นประเด็นสำคัญ