พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้สตอรี่ไลน์ผ่านไลน์แอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้เรื่องการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ
Main Article Content
บทคัดย่อ
หลักการและเหตุผล: การดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อผู้ป่วยเพราะช่วยในการลดภาวะแทรกซ้อนของโรค
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้สตอรี่ไลน์ผ่านไลน์แอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้เรื่องการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (CHD) และเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบจำลอง
รูปแบบการวิจัย: การวิจัยและพัฒนา
วิธีการวิจัย: ดำเนินการพัฒนา 4 ขั้นตอนคือ 1) การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน 2) การพัฒนารูปแบบแนวทาง 3) การใช้แบบจำลองการทดลองและ 4) การประเมินผล กลุ่มตัวอย่างเป็นสหสาขาวิชาชีพ 25 คนและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 72 คนโดยวิธีการเลือกตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง
ผลการวิจัย: 1. รูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้สตอรี่ไลน์ผ่านไลน์แอปพลิเคชันประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1) สภาพปัญหาและความจำเป็น 2) จุดมุ่งหมายของรูปแบบ 3) สมรรถภาพที่มุ่งเน้นความรู้ พฤติกรรม และความรู้สึกที่ดี 4) แผนการสอนใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และ 5)เงื่อนไขการใช้เทคนิคการเรียนรู้ร่วมกัน พบว่ารูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันมีความเหมาะสมในระดับสูงสุด (mean = 4.9; S.D. = 0.3) 2. ประสิทธิผลของแบบจำลองชี้ให้เห็นว่าหลังการศึกษากลุ่มที่เข้าร่วมการเรียนรู้มีความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจและทักษะการดูแลตนเองสูงกว่าก่อนเรียนและสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นยังพบในกลุ่มที่เข้าร่วมการเรียนรู้เทียบกับกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญที่ p = 0.01 และไม่พบการกลับมารักษาซ้ำในกลุ่มที่เข้าร่วมการเรียนรู้
สรุป: รูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันโดยใช้สตอรี่ไลน์ผ่านไลน์แอปพลิเคชันในการศึกษานี้มีประโยชน์และสามารถนำไปสู่การปรับปรุงพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ
คำสำคัญ: การเรียนรู้ร่วมกัน สตอรี่ไลน์ การดูแลตนเอง
Article Details
References
ศุภศิลป์ กุลจิตต์เจือวงศ์. ไลน์รูปแบบการสื่อสารบนความสร้างสรรค์ของสมาร์ทโฟน: ข้อดีและข้อจำกัดของแอปพลิเคชัน” วารสารนักบริหาร 2556;33:42-4.
ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช. คู่มือการเขียนแผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ระดับชั้นประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ : แม็ค; 2545.
Johnson DW, Johnson F. Joining together: Group theory and group skills. 4thed. New Jursy: Prentice Hall; 1991.
Thai Heart Association of Thailand. Clinical practice guideline for ischemic heart disease. 2nd ed. Bangkok : Srimuang Publishers; 2014.
ธิวาสา ลีวัธนะ, แสงอรุณ อิสระมาลัย, ช่อลดา พันธุเสนา. การประเมินความสามารถในการดูแลตนเอง คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจแบบเปิดและปัจจัยที่มีผลกระทบ. สงขลานครินทร์เวชสาร 2551;26:141-50.
Orem DE. Nursing : Concepts of practice. 4thed. St. Louis. MO : C. V. Mosby; 1991
Ravn-Nielsen LV, Duckert ML, Lund ML, Henriksen JP, Nielsen ML, Eriksen CS, et al. Effect of an in-hospital multifaceted clinical pharmacist intervention on the risk of readmission. JAMA Intern Med 2018;178(3):375-82.
Clark LT, Bellam SV, Shah AH, Feldman JG. Analysis of prehospital delay among inner-city patients with symptoms of myocardial infarction: implications for therapeutic intervention. J Natl Med Assoc 1992;84(11):931-7.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. หลักการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์; 2540.
Johansson A, Adamson A, Ejdeback J, Edell-Gustafsson U. Evaluation of an individualized programme to promote self-care in sleep-activity in patients with coronary artery disease a randomized intervention study. J Clin Nurs .2014;23(19-20):2822-34.
Ferrans CE, Powers MJ. Quality of Life Index: Development and psychometric properties. ANS Adv Nurs Sci 1985;8(1):15-24.
Ferrans C, Powers M. Quality of Life Index Cardiac version-IV. [Internet]. 1998. Translated by Aem-orn Saengsiri 2003. [Update 2011 Aug 5; cited2020 Feb 11]. Available from:URL:http://qli.org.uic.edu/questionaires/questionnairehome.htm.
จันทรานี สงวนนาม. ทฤษฎีและแนวปฏิบัติการบริหารสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : บุค พอยท์; 2545.
มาเรียม นิลพันธุ์. วิธีวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 6. นครปฐม : ศูนย์วิจัยและพัฒนาทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2555.
Slavin RE. Cooperative Learning: Theory, Research and Practice. New Jersey: Prentice–Hall; 1990.
Janchay S. The design and development of teaching and learning, 1127102 textbook for teaching the design and development of teaching and learning Nakhonpathom Rajabhat University. Nakornpathom: Phetkasem Printing Group; 2014.
อุมาพร ปนเนตร. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่องหลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนาด้วยวิธีสอนแบบสตอรี่ไลน์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. [วิทยานิพนธ์การศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต]. คณะศึกษาศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2555.
บุษบา ทาธง, ปริญดา ศรีธราพิพัฒน์, บุษกร แก้วเขียว. ผลของการจัดการเรียนการสอนโดยประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ และความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์ 2562;11:155-68.
วศินี สมศิริ, จินตนา ชูเซ่ง. ผลของการให้ความรู้อย่างมีแบบแผนต่อความรู้ การรับรู้ความสามารถ และพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่เข้ารับการทำหัตถการหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ 2554;3:33-46.
รพีพันธุ์ สุ่มหิรัญ, สุปรีดา มั่นคงและสุกุมา คุววัฒนสัมฤทธิ์. การทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเพื่อลดการกลับมารักษาซ้ำในโรงพยาบาลของผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก.2552;20:17-32.
Becker MH. The health belief model and personal health behavior. Thorofare : Charles B. Slack, c1974.
ประภาพร ดองโพธิ์และนรลักษณ์ เอื้อกิจ. ปัจจัยทำนายการเลิกสูบบุหรี่ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. วารสารธรรมศาสตร์เวชสาร 2561;18:40-50.
วรุณ เพ็ชรัตน์. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและการกลับเข้ารักษาซ้ำในโรงพยาบาลของผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวหลังผ่าตัดลิ้นหัวใจ. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก 2560;28:38-51.
ลดาวัลย์ ฤทธิ์กล้า, ชดช้อย วัฒนะ, พีระพงศ์ กิติภาวงศ์. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเอง ภาวะหายใจลำบาก ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว. พยาบาลสาร 2555;39(1):64-76.
นิตญา ฤทธิ์เพชร, ชนกพร จิตปัญญา. ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอาการ การจัดการตนเอง ค่านิยมด้านสุขภาพ ความเข้มแข็งในการมองโลก และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ได้รับการขยายหลอดเลือดหัวใจ [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต]. คณะพยาบาลศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย; กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวทิยาลัย; 2554.
เอมอร แสงศิริ, ดวงกมล วัตราดุลย์, สุธานิธิ กาญจนกุล, ศรีรัตน์ ณัฐธำรงกุล, สถิตพร นพพลับ, สอาด วงศ์อนันต์นนท์. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก 2558;26(1):104-18.