ประสิทธิผลของ Benzydamine Hydrochloride Spray บนหน้ากากครอบกล่องเสียงที่อยู่บริเวณเหนือสายเสียงช่วยลดอาการเจ็บคอหลังจากให้การระงับความรู้สึกแบบดมยาสลบ : การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม
Main Article Content
บทคัดย่อ
หลักการและเหตุผล: เพื่อหาความชุกของผู้ป่วยไตเรื้อรังและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการบำบัดทดแทนไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายในคลินิกโรคไตโรงพยาบาลสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ทำให้สามารถวางแผนการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในอนาคตได้
วัตถุประสงค์: ความชุกของผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะต่างๆ ในคลินิกโรคไตโรงพยาบาลสุรินทร์ ช่วงปี พ.ศ.2557-2563 และปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการบำบัดทดแทนไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
วิธีการศึกษา: การศึกษาข้อมูลย้อนหลัง (Retrospectivedescriptive study) โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในคลินิกโรคไตโรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อศึกษาความชุกของผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะต่างๆและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการบำบัดทดแทนไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายในคลินิกโรคไตโรงพยาบาลสุรินทร์ ช่วงปี พ.ศ.2557-2563 ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 18 ปี โดยเกณฑ์คัดออกได้แก่ผู้ป่วยที่มีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ได้แก่ ไม่มีค่า serum creatinine หรือค่า eGFR และผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยเป็นรหัส Acute kidney injury หรือ acute renal failure
ผลการศึกษา: ผู้ป่วยที่ทำการศึกษา ทั้งหมดจำนวน 2860 ราย เมื่อคำนวณด้วยสมการ CKD-EPI พบผู้ป่วยมีภาวะไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 จำนวน 31 รายระยะที่ 4 จำนวน 134 รายและระยะที่ 5 จำนวน 2695 รายที่เข้ารับบริการในคลินิกโรคไตโรงพยาบาลสุรินทร์ ในช่วงปี พ.ศ. 2557-2563 ลักษณะพื้นฐานของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง มีอายุเฉลี่ย 62 ปี แบ่งเป็นเพศชายร้อยละ 47.3 และเพศหญิงร้อยละ 52.7 อาศัยอยู่ในอำเภอเมืองร้อยละ 26.3 โดยมีโรคร่วม ได้แก่ เบาหวาน ร้อยละ 41.4 ความดันโลหิตสูงร้อยละ 67.3 เกาท์ร้อยละ 11.4 โรคหัวใจร้อยละ 4.2 โรคเส้นเลือดสมองตีบร้อยละ 1 โรคไตอักเสบร้อยละ 1 และนิ่วที่ไตร้อยละ 1.1 จากการศึกษานี้พบปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจบำบัดทดแทนไตของผู้ป่วยไตเรื้อรัง ได้แก่ เพศหญิงมีแนวโน้มที่จะเลือกล้างไตมากกว่าเพศชาย 1.1 เท่า แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (95%CI 0.89-1.41) อายุที่เพิ่มขึ้นทุก3เดือนมีผลต่อการตัดสินใจล้างไตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (95%CI 1.03-1.04) ค่าการทำงานของไต (eGFR) ทุกๆ10หน่วยที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจล้างไตของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (95%CI 1.05-1.14) ส่วนค่าผลเลือดอื่นๆ ได้แก่ ความเข้มข้นเลือด(Hematocrit) ค่าของเสีย(blood urea nitrogen)โซเดียม โพแทสเซียม ไบคาร์บอเนต แคลเซียม ฟอสฟอรัส อัลบูมิน ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ป่วยในการล้างไตส่วนปัจจัยในด้านผู้ดูแลไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจในการล้างไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
สรุป: เมื่อทราบถึงความชุกโรคไตเรื้อรังในพื้นที่ที่รับผิดชอบแล้วทำให้สามารถวางแผนการดูแลผู้ป่วยเพื่อชะลอไตเสื่อมไม่ให้เข้าสู่ระยะที่ต้องรับการบำบัดทดแทนไต และวางแนวทางป้องกันการเกิดผู้ป่วยรายใหม่ได้ รวมไปถึงทราบปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในการล้างไตของผู้ป่วยโรคไต จะได้นำข้อมูลมาประกอบแนวทางในการให้ข้อมูลผู้ป่วยเพื่อที่ทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจในการรักษาได้เร็วขึ้น ลดภาวะแทรกซ้อนจากความล่าช้าในการตัดสินใจล้างไตได้
คำสำคัญ: ภาวะไตวายเรื้อรัง ระยะของไตวายเรื้อรัง การบำบัดทดแทนไต
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
2. Coresh J, Selvin E, Stevens LA, Manzi J, Kusek JW, Eggers P, et al. Prevalence of chronic kidney disease in the United States. Jama 2007; 298(17): 2038-47.
3. สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. Thailand Renal Replacement Therapy Registry Report 2012 [ออนไลน์] 2555 [อ้างเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2558]. จาก http://www.nephrothai.org/trt/ trt.asp?type=TRT&news_id=418
4. Chittinandana A, Chailimpamontree W, Chaloeiphap P. Prevalence of chronic kidney disease in Thai adult population. J Med Assoc Thai 2006; 89 Suppl 2: S112-20.
5. Ingsathit A, Thakkinstian A, Chaiprasert A, Sangthawan P, Gojaseni P, Kiattisunthorn K, et al. Prevalence and risk factors of chronic kidney disease in the Thai adult population: Thai SEEK study. Nephrol Dial Transplant 2010; 25(5): 1567-75.
6. Levey AS, Stevens LA, Schmid CH, Zhang YL, Castro AF, 3rd, Feldman HI, et al. A new equation to estimate glomerular filtration rate. Ann Intern Med 2009; 150(9): 604-12.
7. Domrongkitchaiporn S, Sritara P, Kitiyakara C, Stitchantrakul W, Krittaphol V, Lolekha P, et al. Risk factors for development of decreased kidney function in a southeast Asian population: a 12-year cohort study. J Am Soc Nephrol 2005; 16(3): 791-99.
8. Johnson RJ, Nakagawa T, Jalal D, Sanchez-Lozada LG, Kang DH, Ritz E. Uric acid and chronic kidney disease: which is chasing which? Nephrol Dial Transplant 2013; 28(9): 2221-8.
9. Verhave JC, Fesler P, Ribstein J, du Cailar G, Mimran A. Estimation of Renal Function in Subjects With Normal Serum Creatinine Levels: Influence of Age and Body Mass Index. American Journal of Kidney Diseases 2005; 46(2): 233-41.
10. Shen Y, Cai R, Sun J,Dong X,Huang R,Tian S, et al. Diabetes mellitus as a risk factor for incident chronic kidney disease and end-stage renal disease in women compared with men: a systematic review and meta-analysis. Springer 2017; 55:66–76.
11. Kidney Disease: Improving Global Outcomes (KDIGO) CKD Work Group. KDIGO 2012 Clinical Practice Guideline for the Evaluation and Management of Chronic Kidney Disease. Kidney Int 2013; Suppl: 1-150.
12. Chandna, S. M., Silva-Gane, D., Marshall, C., Warwicker, P., Greenwood, R. N., & Farrington, K. (2011). Survival of elderly patients with stage 5 CKD: comparison of conservative management and renal replacement therapy. Nephrology Dialysis Transplantation, 26(5), 1608-1614.
13. Moist, L. M., & Al-Jaishi, A. A. (2016). Preparation of the dialysis access in stages 4 and 5 CKD. Advances in Chronic Kidney Disease, 23(4), 270-275. doi:10.1053/j.ackd.2016.04.001
14. Chanouzas, D., Ng, K. P., Fallouh, B., & Baharani, J. (2012). What influences patient choice of treatment modality at the pre-dialysis stage? Nephrology dialysis Transplant, 27(4), 1542-1547. doi:10.1093/ndt/gfr452.
15. Chiang, P. C., Hou, J. J., Jong, I. C., Hung, P. H., Hsiao, C. Y., Ma, T. L., & Hsu, Y. H. (2016). Factors associated with the choice of peritoneal dialysis in patients with end-stage renal disease. BioMed Research International, 2016, 5314719. doi:10.1155/2016/5314719.